โชว์รูมประชาชื่น : เอสเอฟ90 สตราเดล เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด

สิ้นสุดการรอคอย สำหรับค่ายม้าลำพอง “เฟอร์รารี่” ซุปเปอร์คาร์แถวหน้า ล่าสุดก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว เอสเอฟ90 สตราเดล (SF90 Stradale) ซุปเปอร์คาร์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นแรก รีดพละกำลังออกมาได้อย่างมหาศาลถึง 986 แรงม้า ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 340 กม./ชม.

SF90 Stradale ถือว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ โดยผลิตออกมาจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ จากก่อนหน้านี้เคยผลิตรุ่นลาเฟอร์รารี่ (LaFerrari) เป็นรถรุ่นพิเศษ ออกขายจำนวนจำกัด 499 คัน เมื่อปี 2013

เอสเอฟ90 สตราเดล มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จคู่ 4.0L V8 กำลังสูงสุด 769 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที เรียกได้ว่าเป็นขุมกำลัง 8 สูบที่ทรงพลังสูงสุดของเฟอร์รารี่

เท่านั้นยังไม่พอ แต่ยังมีพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 3 ตัว เป็นตัวเสริมกำลังให้อีก 217 แรงม้า ทำให้ เอสเอฟ90 สตราเดล รุ่นล่าสุดนี้มีพละกำลังมหาศาล 986 แรงม้า และสร้างแรงบิดได้ 800 นิวตันเมตร
SF90 เป็นตัวย่อการฉลองครบรอบ 90 ปีของทีมแข่งฟอร์มูล่า วัน สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ (Scuderia Ferrari) ตั้งขึ้นเมื่อปี 1929

Advertisement

คำว่า สตราเดล (Stradale) ในภาษาอิตาเลียนมีความหมายว่าถนน เป็นการสื่อถึงความเชื่อมโยงจากสนามแข่งมาสู่รถยนต์ที่ผลิตเพื่อขับบนถนนจริง

ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่เป็นไฮไลต์ของ เอสเอฟ90 สตราเดล จะใช้กำลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 7.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งกำลังสู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรกที่ติดตั้งบริเวณเพลาหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีกตัวที่เพลาหลัง

Advertisement

แบ่งโหมดการขับเป็น 4 รูปแบบสามารถเลือกจาก อีเมเนตติโน (eManettino) ติดตั้งอยู่บริเวณพวงมาลัย ได้แก่

ระบบอีไดรฟ์ เป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียว หากแบตเตอรี่มีกำลังเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์จะสามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 25 กิโลเมตร และทำความเร็วได้สูงสุด 135 กม./ชม. เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองหรือสถานการณ์ที่คนขับไม่ต้องการให้เสียงเครื่องยนต์ 8 สูบคำรามรบกวนเพื่อนร่วมถนน

ระบบไฮบริด เป็นรูปแบบการขับพื้นฐานเมื่อสตาร์ตรถ เครื่องยนต์สันดาป (ICE) กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกับเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้การควบคุมของระบบสมองกล ผู้ขับสามารถสนุกกับความแรงจากเครื่องยนต์ ICE ตามที่ต้องการทุกครั้งที่กดคันเร่งลงไป

ระบบเพอร์ฟอร์แมนซ์ จะมีความแตกต่างจากไฮบริด ด้วยการควบคุมให้เครื่องยนต์ ICE ทำงานเป็นหลัก โดยจะให้ความสำคัญกับการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นรูปแบบการขับที่เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสความเร้าใจของ เอสเอฟ90 สตราเดล

ระบบควอลิตี้ เป็นโหมดที่ให้ทั้ง 2 ระบบขับเคลื่อนรีดกำลังเต็มประสิทธิภาพสูงสุด โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดจะส่งกำลังสูงสุด 217 แรงม้า และระบบควบคุมจะให้ความสำคัญของสมรรถนะมากกว่าการชาร์จไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ที่เป็นหัวใจสำคัญ และสร้างชื่อเสียงให้เฟอร์รารี่มายาวนานเป็นขุมกำลังเดียวกับที่อยู่ในโมเดล 488 (GTB, Spider, Pista), Portofino และ GTC4 Lusso T แต่อัพเกรดด้วยการติดตั้งระบบ 350-bar GDI เป็นครั้งแรกของขุมกำลัง V8

หลุยส์ คามิลเลอรี่ ซีอีโอเฟอร์รารี่ เปิดเผยว่า แขกวีไอพี 2,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาสัมผัสรถคันจริงในงานเปิดตัวที่ประเทศอิตาลี เกือบทุกคนได้ตัดสินใจจอง เอสเอฟ90 สตราเดล ล่วงหน้าเรียบร้อย

ระบบเกียร์ 8 สปีดคลัตช์คู่ได้รับการดีไซน์ใหม่พร้อมปรับอัตราทดให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากเดิม และเป็นครั้งแรกที่เฟอร์รารี่ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4WD ในกลุ่มรถสปอร์ตรองรับความแรงที่ออกตัวจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 340 กม./ชม.

นอกจากนี้ เฟอร์รารี่ยังเพิ่มความพิเศษให้รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด รุ่นแรกด้วยการให้ลูกค้าสามารถเลือกจะซื้อรุ่น สแตนดาร์ด และเวอร์ชั่นพิเศษ แอสเสตโต ฟิออราโน (Assetto Fiorano) มีความสปอร์ตมากขึ้นด้วยการติดตั้ง มัลติเมติก (Multimatic) โช้กอัพตัวเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งรายการจีที

พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และไทเทเนียมลดน้ำหนักรวมของรถลง 30 กิโลกรัม รองรับแรงกด ดาวน์ฟอสซ์ ได้สูงสุด 390 กิโลกรัม ขณะขับด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. รวมถึงติดตั้งยางมิชลินรุ่นไพลอต สปอร์ต คัพทู เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดหากลงขับในสนามแข่ง

เอสเอฟ90 สตราเดล เป็นโมเดลที่ 2 ของเฟอร์รารี่ เปิดตัวในปีนี้ต่อจาก เอฟ8 ทริบิวโต ที่เจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นซุปเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นแรกจาก 15 โมเดลที่เฟอร์รารี่ยืนยันว่าจะนำเสนอสู่สาธารณชนจนถึงปี 2022

แต่ในการแถลงข่าวเปิดตัวเมื่อวันพุธที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บริหารเฟอร์รารี่ยังไม่เปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการ แต่สื่อต่างประเทศคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 5-7.5 แสนปอนด์ หรือประมาณ 20-30 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า) กำหนดจะเริ่มต้นส่งมอบรถในช่วงต้นปี 2020

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image