กกร.เล็งหั่นเป้าจีดีพี ถกรอบหน้าก.ค.ชัดเจน จี้รัฐบาลใหม่เร่งกระตุ้นศก.(ชมคลิป)

ที่โรงแรมเรเนซองส์ นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 เติบโต 2.8% นับเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ17ไตรมาส ปัจจัยหลักเกิดจากการส่งออกหดตัว ขณะที่การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ยังเป็นตัวหนุนให้จีดีพียังขยายตัวเป็นบวกได้ ทั้งนี้ เดือนเมษายน 2562 ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 2/2562 การส่งออกยังคงหดตัวต่อเนื่องและเป็นวงกว้าง ทั้งในรายการสินค้าส่งออกหลักและตลาดส่งออกสำคัญของไทย สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยขยายตัวเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและรัสเซีย

นายปรีดี กล่าวว่า ส่วนครึ่งหลังปี2562 มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจขึ้นภาษีในสินค้าจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดความซบเซาของการค้าโลก ทำให้การส่งออกของไทยมีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบทางลบมากขึ้น และอาจไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาล ปัจจัยนี้ทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ล่าช้าออกไป จะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุน เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง อาจจะขยายตัวชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้เช่นกัน

“กกร.มีความเป็นห่วงและหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้นโดยเร็ว เพื่อให้มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ โดยความต่อเนื่องในการกระตุ้นจากภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจไม่ถดถอยลงซ้ำอีก โดย กกร. จะมีการทบทวนและประเมินตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้อีกครั้งก่อน ที่จะประกาศตัวเลขประมาณการใหม่ในครั้งถัดไปในวันที่ 2 กรกฎาคมนี้อีกทั้ง และกกร.จะสรุปข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้และจะเผยแพร่ให้ทราบต่อไป” นายปรีดี กล่าว

Advertisement

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.)ว่าจะเสนอรัฐบาลใหม่ ให้มีการประชุม กรอ. ชุดใหญ่ อย่างน้อยทุก 6 เดือนต่อครั้ง และการประชุม กรอ. ชุดเล็ก ประชุมอย่างน้อย 3-4 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และประเทศอย่างมาก

“ยอดการส่งออกปีนี้ มีโอกาสติดลบมากกว่าปีก่อนแน่นอน แต่ กกร. ยังคงตั้งเป้าการส่งออกเป็นบวก หากจะเป็นบวกต้องส่งออกเดือนละ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ต้องขอเวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่ง กลัวพูดไปแล้วตัวเลขมีความคลาดเคลื่อน” นายสุพันธุ์ กล่าว

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สิ่งที่อยากเสนอรัฐบาลชุดใหม่ให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์และต้องการความต่อเนื่อง เช่น การจูงใจให้มีการจับจ่ายใช้สอย โดยการนำมาตรการทางภาษีเข้ามาช่วย โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ และการขยายเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามถึงหน้าตาของทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่จะเข้ามาบริหารประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งทั้ง 3 ประธาน กกร.ไม่ขอออกความคิดเห็น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image