ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวผันผวน ดัชนีเป็นบวกสลับกับเป็นลบในเวลาไล่เลี่ยกันในช่วงเช้า โดยเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 1,648.46 จุด ก่อนที่ดัชนีจะยืนบวกได้ในภาคบ่ายและปิดตลาดที่ระดับ 1,653.41 จุด เพิ่มขึ้น 4.95 จุด หรือ 0.30% ทั้งนี้ระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,655.33 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,643.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 49,878.70 ล้านบาท แบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,801.62 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 274.50 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 1,048.25 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 2,575.37 ล้านบาท
นักวิเคราะห์จากบล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในกรอบ 1,590-1,680 จุดในเดือนมิถุนายนนี้ จากสมมติฐานว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถเจรจากันได้ ดังนั้นนักลงทุนในระยะสั้น อาจต้องพิจารณาขายทำกำไรบริเวณระดับ 1,650-1,680 จุด สำหรับการซื้อขายหุ้นในวันนี้ได้แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศคือ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยจะได้อานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ไหลเข้ามามากขึ้น
สำหรับผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ได้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯด้วยคะแนน 500 ต่อ 244 เสียง นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ให้มุมมองเป็นกลาง เพราะเป็นไปตามคาดการณ์ที่คาดไว้ จากนี้ไปให้นักลงทุนติดตามอุตสาหกรรมหรือบริษัทที่จะได้ประโยชน์หรืออาจโดนผลกระทบจากการออก ม.44 ก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
