‘กฤษฎา’ ส่งไม้ต่อ รมว.คนใหม่ เร่งเดินหน้าตลาดนำการผลิต พร้อมโชว์ผลงานชิ้นเอก ดันรายได้เกษตรกร 3,000 บ./ไร่

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นโยบายที่ได้วางไว้และจะฝากถึงรัฐมนตรีคนใหม่มาสานต่อเร่งด่วนคือ การบริหารจัดการดีมานด์ซัพพลายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจสำคัญ ข้าว ยางพารา ปาล์ม และเดินหน้าการตลาดนำการผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตั้งแต่กำหนดพื้นที่ปลูกให้ชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมาได้แนะนำให้ชาวนาลดการทำนาปรังมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนการทำนาปรังถือว่าประสบความสำเร็จ ในรอบ 30 ปี พื้นที่ 8 แสนไร่ โดยที่ทั้งหมด 32 จังหวัด เป็นพื้นที่ราบลุ่ม และรัฐลงทุนให้ 102 บาทเท่านั้น แต่เกษตรกรได้กำไรถึง 3,000บาท และได้ให้หน่วยงานมาประเมิน รวมถึงการบริหารจัดการปาล์มที่ได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงพลังงานดูดซับปาล์มน้ำมันล้นสต๊อก ขณะนี้ราคาปาล์มสด (ซีโอพี) เริ่มดีขึ้นอยู่ที่ 3.20 บาทต่อกิโลกรัม

นายกฤษฎา กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการนำยางใช้ในประเทศให้มีการรับซื้อยาง โดยได้ให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) สรุปข้อมูล ให้อปท.บังคับให้ทุกจังหวัดเริ่มทยอยดำเนินการ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเนื่องจาก บริษัทที่รับผสมน้ำยางได้รับการรับรองจาก กยท.เพียงแค่ 3 บริษัทเท่านั้น ซึ่งมีมายื่นทั้งหมด 7 บริษัท จึงได้สั่งการอย่างเร่งด่วนว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้ต้องครบสมบูรณ์เพราะยังไม่เป็นไปตามสูตรวิศกรตามข้อกำหนดที่กระทรวงคมนาคมและกรมบัญชีกลางกำหนดไว้

“ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะมาเป็นรัฐมนตรีคนใหม่นั้น ผมไม่ทราบ แต่สิ่งแรกที่อยากให้ทำและเดินหน้ทันที คือจัดการดีมานด์ซัพพลายพืชเกษตรหลัก ข้าว ยาง ปาล์ม และสานต่อนโยบายตลาดนำการผลิต ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครสร้างการผลิตทางการเกษตรของรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ การปรับเปลี่ยนปลูกพืชให้ไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก” นายกฤษฎากล่าว

นายกฤษฎา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนผลงานเด่นว่าได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดไว้หรือไม่ เช่น การแก้ไขและปฏิรูประบบนมโรงเรียน จากผลการดำเนินการดังกล่าวพบว่าจาก 5 หมื่นโรงเรียน มีเพียง 4 โรงเรียนเท่านั้น ที่ยังไม่ได้รับนมโรงเรียน เนื่องจากยังไม่มีการจ่ายค่านมโรงเรียน และติดในเรื่องของเทศกาลถือศีลอดของศาสนาอิสลาม จึงยังไม่ต้องการนมในช่วงวันเปิดภาคเรียนที่ผ่านมา เป็นต้น

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ขณะนี้ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 35 แห่ง พบมีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% เพียง 17 แห่งเท่านั้น ถือว่าเป็นไปตามที่กระทรวงฯได้คาดการณ์ไว้ ส่วนประเด็นที่กรมอุตอนิยมวิทยาออกประกาศว่าในช่วงนี้จะเกิดฝนทิ้งช่วง ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน ไปร่วมมือกับกรมส่งเสริมการเกษตร ให้รีบสร้างเหมืองฝายเก็บน้ำขนาดเล็ก เพื่อเตรียมรับมือน้ำฝนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นให้มีการสร้างฝายกักเก็บน้ำ โดยจะขยายไปสร้างในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำแล้งในเบื้องต้น

นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ เพื่อจัดทำข้อมูลเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ว่า ในช่วง 1 ปีเศษที่เข้ามารับตำแหน่งมีงานอะไรคืบหน้า ถึงไหนภายใต้นโยบายตลาดนำการผลิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยางพารา ราคาสินค้าเกษตร นมโรงเรียน และหนี้สินเกษตรกร

“ในระหว่างการประชุม นายกฤษฎา กล่าวว่า หลังการประชุมจะมีการเลี้ยงอาหารกลางวันผู้บริหารทั้งคณะ โดยกำชับว่า ในการประชุมครั้งนี้ไม่ต้องเอาดอกไม้มาให้ ไม่ต้องเอาแห้วมาให้กิน ไม่ต้องเอาสละมาเสิร์ฟ เพราะครม.ใหม่ยังจัดตั้งกันไม่เสร็จ ผมยังทำงานอยู่เหมือนเดิมยังต้องบริหารจัดการกระทรวงฯ ภายใต้นโยบายตลาดนำการผลิตอยู่จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามารับไม้ต่อ” นางสาวจริยากล่าว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image