กลายเป็นข่าวฮือฮาหลังชาวบ้าน บ้านศาลาดิน ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และหมู่บ้านใกล้เคียง กว่า 20 คน แห่ซื้อ บัตรสมาร์ทการ์ด หรือ บัตรพลังงาน ที่อ้างว่ามีสรรพคุณในการรักษาสารพัดโรค โดยเฉพาะอาหารปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย
วิธีการใช้ คือ นำบัตรไปแตะบริเวณที่ปวด หรือนำแก้วน้ำไปวางบนบัตร และอธิษฐาน จากนั้นนำมาดื่ม
และอีกวิธีหนึ่ง คือ การนำเอาบัตรไปจุ่มในแก้วน้ำ แล้วนำมาดื่ม โดยอ้างว่า วิธีเหล่านี้สามารถช่วยอาการปวดให้ทุเลาลงได้ มีตัวแทนมาชักชวนให้เข้าอบรมและสมัครเป็นสมาชิก เพื่อจะได้สมาร์ทการ์ดที่ซื้อไปในราคา 4,400 บาท ได้บัตรมา 5 ใบ และมีการนำไปบอกต่อคนที่สนใจ โดยขายให้ในราคา 1,100-1,500 บาท หากขายได้ และมีสมาชิกเพิ่มจะได้เงินเพิ่มเข้ามาในบัญชี ไม่น่าเชื่อว่าสังคมไทยยุค 4.0 ยังมีการหลอกขายสินค้าประเภทนี้อีก
หลังกลายเป็นข่าวใหญ่โต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ออกมาไล่บี้ขบวนการดังกล่าว โดยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯขอนแก่น ระบุว่า มีข้อห่วงใยว่าพฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นการเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่
เบื้องต้นจึงได้มีข้อสั่งการให้ทั้ง 26 อำเภอของจังหวัดขอนแก่นทำการตรวจสอบในพื้นที่รับผิดชอบว่า มีชาวบ้านในตำบล อำเภอของตนเองซื้อบัตรนี้มาใช้ในการรักษาโรคตามที่บริษัทเจ้าบัตรกล่าวอ้างหรือไม่
โดยให้แจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ช่วยสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด และติดตามว่ามีกลุ่มบุคคลเข้ามาแอบอ้างในนามบริษัทแล้วนำบัตรมาจำหน่ายให้กับชาวบ้าน เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้บัตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า บัตรดังกล่าวเข้าข่ายการหลอกลวงผู้บริโภคหรือไม่ หากพบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก็จะต้องเชิญตัวเจ้าของบัตรมาสอบสวนข้อเท็จจริง โดยจะต้องยืนยันได้ว่าสิ่งที่กล่าวอ้างนั้นสามารถรักษาอาการต่างๆ ได้อย่างไร
เพราะจากการตรวจสอบของสำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น ระบุว่า บัตรนี้ไม่ได้มีการจดแจ้งเป็นยารักษาโรคหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วย และในทางการแพทย์ก็ไม่เคยมีการนำเอาบัตรลักษณะดังกล่าวมาใช้ในวงการแพทย์ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อหรือซื้อมาใช้ หากมีอาการเจ็บป่วยให้ไปพบแพทย์โดยตรง
ขณะที่นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม รองผู้ว่าฯขอนแก่นได้มอบหมายให้สืบสวนสอบสวนในเรื่อง บัตรพลังงาน หลอกลวงผู้บริโภค โดยแจ้งให้ทุกอำเภอในสังกัดปกครองจังหวัดขอนแก่นตรวจสอบ ขณะนี้ทุกอำเภอตอบมาแล้วไม่มีจำหน่ายบัตรดังกล่าว ยกเว้นที่ อ.อุบลรัตน์ และ
สถานที่อบรมสัมมนาเรื่องบัตรพลังงานรักษาโรค คือ ที่ อ.เขาสวนกวาง เจ้าหน้าที่ได้หาต้นตอพบแล้วอยู่ใน
ภาคใต้ แต่ตัวแทนจำหน่ายในขอนแก่นยังไม่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ยังหาบุคลากรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรพลังงานไม่เจอ และยังไม่มีประชาชนหลงเชื่อในเรื่องบัตรดังกล่าวเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไม่สามารถเอาผิดได้ในขณะนี้ โดยประชาชนส่วนหนึ่งหลงเชื่อซื้อบัตรพลังงานรักษาโรคไปแล้วในราคา 1,100-1,500 บาท มีสองรุ่น คือ รุ่นเก่าสีแดง และ รุ่นใหม่สีเขียว
พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ได้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจซึ่งเป็นคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาเป็นผู้เข้าไปรวบรวมพยานหลักฐาน เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในโลกโซเชียลและในอินเตอร์เน็ตของบริษัทที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับลงไปตรวจสอบสถานที่จัดประชุมสัมมนาเมื่อวันที่ 6-8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น โดยมีจำนวนผู้เข้าประชุมประมาณ 30 คน วิทยากร 3-5 คน นอกจากนี้ในส่วน อ.อุบลรัตน์ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนบุคคลที่ได้รับ บัตรพลังงาน มีใครบ้าง และตรวจสอบไปที่บริษัทแห่งหนึ่งที่ได้มีจดทะเบียนไว้ในเรื่องดังกล่าวที่ จ.สงขลา และในเขตพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง ทราบว่าได้ปิดตัวเองไม่มีพนักงานอยู่ในบริษัท
พนักงานสอบสวนจึงน่าเชื่อว่า การดำเนินการ บัตรพลังงาน เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน หลังจากนั้นรัฐจะเป็นผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แจ้งความเพราะประชาชนเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากการกระทำของผู้ผลิตบัตรพลังงานรักษาทุกโรค เป็นลักษณะที่นำสินค้ามาเสนอเข้ารูปแบบการหลอกลวง แม้ว่าจดทะเบียนขายตรงก็ตาม ก็ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย
เพราะโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงเกินความเป็นจริงทำให้ประชาชนได้ทรัพย์สินของอันนั้นไปเป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นการหลอกลวงประชาชน ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียหายมาร้องทุกข์ แต่รัฐเข้าร้องทุกข์เป็นผู้เสียหายได้เอง
เมื่อสอบถามชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อ นายทวี เพียอินทร์ ชาวบ้านศาลาดิน ต.ศรีสุขสำราญ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกชักชวนเข้าอบรมเรียกบัตรนี้ว่า บัตรพลังงาน ระบุว่า ก่อนจะได้บัตรนี้มามีคนจากบริษัทแห่งหนึ่งมาชักชวนให้เข้าอบรม และสาธิต สรรพคุณของบัตรให้ดู ช่วงระหว่างการสาธิต เมื่อพนักงานนำบัตรมาแตะที่ตัวตนเองรู้สึกมีอาการชา และพอนำบัตรออก ก็หายจากอาการชานั้น ตนจึงตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกเพื่อจะได้สมาร์ทการ์ดนำกลับมาใช้ โดยสมัครครั้งแรก มีการให้เลขที่บัญชีกับเจ้าหน้าที่ และได้จ่ายเงินไป 4,400 บาท ได้บัตรมา 5 ใบ หลังจากนั้น ตนจึงนำมาบอกต่อ คนที่สนใจ โดยขายให้ในราคา 1,100-1,500 บาท เพื่อให้นำไปรักษาอาการปวดเมื่อย ซึ่งหากตนเองขายได้ และมีสมาชิกเพิ่มก็จะได้เงินเพิ่มเข้ามาในบัญชี
นางทองศรี วงษ์ไชยเวทศ์ อายุ 66 ปี เป็นหนึ่งคนที่ซื้อบัตรมาจากนายทวี ในราคา 1,100 บาท เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองมีอาการปวดหลัง และมีน้ำไหลออกมาจากหู เคยไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ไม่หาย จึงได้ลองซื้อบัตรพลังงานนี้มาใช้ แตะไว้ที่หลังพบว่าอาการน้ำที่ไหลออกจากหูนั้นหายไป แต่ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้กินยาจากโรงพยาบาลที่ให้มาควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ ยังใช้วิธีวางแก้วน้ำไว้บนบัตรแล้วอธิษฐานให้หายจากโรค ซึ่งนางทองศรีก็ยอมรับว่า หลังจากใช้บัตรแล้ว อาการปวดหลังยังมีอยู่ แต่ไม่มีน้ำไหลออกจากหูแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าบัตรสามารถช่วยได้ 50 เปอร์เซ็นต์
ด้าน นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ให้ความรู้แก่ชาวบ้านว่า ทาง สสจ.ขอนแก่นได้ทำการตรวจสอบบัตรดังกล่าวพบว่าไม่ได้มีการจดแจ้งขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อตรวจสอบรายละเอียดข้อความและคิวอาร์โค้ดภายในบัตรก็ไม่พบว่ามีข้อมูลปรากฏในสารบบ ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภค ที่สำคัญตามหลักการแพทย์แล้ว การนำบัตรซึ่งเป็นพลาสติกแข็งมาแปะตามร่างกายไม่สามารถใช้รักษาโรคใดๆ แม้ชาวบ้านบางรายจะระบุว่า สามารถช่วยรักษาอาการปวดตามร่างกายได้นั้น ไม่ได้เกิดจากบัตรนั้นโดยตรง แต่อาจมาจากการกินยาควบคู่ไปด้วย และอยู่ในภาวะที่มีที่พึ่งทางจิตใจ แต่ในทางการแพทย์ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงและบัตรนั้นไม่สามารถนำมารักษาโรคได้
ขอให้ประชาชนที่กำลังใช้อยู่ หรือ คิดที่จะใช้ ให้หยุดใช้และไม่หาซื้อ เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์ใดๆ กับร่างกาย ยังอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคนที่แอบอ้างได้ นพ.สมชายโชติกล่าวทิ้งท้าย