แหล่งข่าวกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทุนเหมืองแร่ทองคำ ภายหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 ว่า ภายหลังยุทธศาสตร์ฯแร่ทองคำผ่านครม.มีนักลงทุนสนใจแจ้งความประสงค์ขออาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำประมาณ 100 คำขอ แต่จนถึงปัจจุบันพบว่ายังไม่มีรายใดเดินหน้าตามขั้นตอนการขออาชญาบัตรพิเศษ โดยจากการสอบถามเหตุผลพบว่า ต้องการติดตามความคืบหน้ากรณีไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ กับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ดคิงส์เกต ประเทศออสเตรเลีย ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ใช้อำนาจตามม.44 สั่งปิดเหมืองอัครา เมื่อเรื่องนี้ได้ข้อยุติการลงทุนเหมืองทองคำก็น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า ทั้งนี้การลงทุนเหมืองทองคำใหม่ๆต้องทำตามยุทธศาสตร์ฯแร่ทองคำที่มีความเข้มข้นในหลักบริหารจัดการเหมือง รวม 7 ด้าน อาทิ กำหนดให้ประมูลสิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ที่ภาครัฐสำรวจและมีข้อมูลเพียงพอ ห้ามไม่ให้ส่งออกโลหะผสมทองคำไปต่างประเทศ จ้างงานชาวไทย ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมการลงทุน ด้านผลประโยชน์ตอบแทน ด้านความปลอดภัย กำกับดูแลเคร่งครัด ประชาชนมีส่วนร่วม และกำหนดให้การขอต่ออายุประทานบัตรแร่ทองคำและการเพิ่มชนิดแร่ทองคำ ใช้นโยบายนี้โดยอนุโลม แต่ไม่ครอบคลุมถึงการร่อนแร่ทองคำ
ผู้สื่อข่าวรายงาน ล่าสุด บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เครือบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ดคิงส์เกต ประเทศออสเตรเลีย ประกาศพร้อมเข้าสู่กระบวนการเจรจากับรัฐบาลไทย หากมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนใหม่ เพื่อยุติการฟ้องร้องที่ปัจจุบัยอยู่ในกระบวนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ
