นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานโกลบอลบิซิเนส ดีเวลอปเม้นท์ แอนด์ สตาร์ติจี ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปี 2562 ยังเผชิญกับความเสี่ยงทั้งปัจจัยภายนอกจากผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกให้ชะลอตัวรวมทั้งยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นเอกชนทำให้การลงทุนเอกชนทั่วโลกให้ชะงักลงไปโดยเฉพาะการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่เป็นเรื่องสำคัญต้องลงทุนเพื่อพัฒนากระบวนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพรวมทั้งการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี5จี ด้านปัจจัยในประเทศที่อยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลคาดว่าจะมีความชัดเจนออกมา แต่กระบวนการงบประมาณปี2563 ที่ล่าช้าออกไปอาจจะกระทบต่อเม็ดเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประจำคาดว่าจะยังทำได้ตามปกติโดยปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในรวมทั้งความไม่แน่นอนยังมีอยู่ จากผลกระทบสงครามการค้าจะเพิ่มอีกหรือไม่ มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่(มาตรการแอลทีวี) กดดันและธนาคารแห่งประเทศไทยยังติดตามดูแลสินเชื่ออื่นใกล้ชิดจึงได้มีการปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ(จีดีพี) ปีนี้ลง
“เศรษฐกิจปีนี้ซอฟต์ลง ธนาคารปรับลดจีดีพีปีนี้อยู่ที่3.3% โดยเป็นผลจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามการค้าโลกคาดขยายตัวเพียง0.8% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต4% ทั้งนี้การลงทุนเอกชนชะลอตัวลงบ้างคาดเติบโต3.8% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต4% เพราะไม่ต้องเร่งเพิ่มกำลังการผลิตและความมั่นใจของภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัวดีนักยังรอดูทิศทางนโยบายของเศรษฐกิจการผลักดันโครงการลงทุนใหม่ๆของรัฐบาลใหม่ก่อนเพราะการลงทุนภาครัฐบางโครงการมีความล่าช้าอย่างไรก็ดีการบริโภคเอกชนยังเป็นแรงหนุนการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้” นายพชรพจน์กล่าว
นายพชรพจน์ กล่าวว่า ด้านนโยบายการเงินปีนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่1.75% ในการประชุมครั้งที่4/2562 วันที่26 มิถุนายนนี้และคาดว่าจะคงที่ระดับนี้ในการประชุมที่เหลืออีก4 ครั้งตลอดทั้งปีนี้และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ2.25-2.50% ในการประชุมวันที่18-19 มิถุนายนนี้พร้อมทั้งปรับลดมุมมองอัตราดอกเบี้ย(Dot Plot) จากเดิมที่ขึ้น1 ครั้งเป็นหยุดขึ้นไปจนถึงปี2563
