นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อานวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทอท.มีมติอนุมัติให้สิทธิเอกชนประกอบกิจการ จํานวน 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สภท.) 2.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการจําหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ 3.โครงการให้สิทธิประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จํากัด ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลทั้ง 3 โครงการ เนื่องจากมีคะแนนรวมทั้งด้านเทคนิค และด้านการเงินสูงสุด ซึ่งมีกำหนดอายุสัญญา 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2574 โดยคาดว่าจะสามารถทำสัญญากับได้ใน 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้
นายนิตินัย กล่าวว่าโครงการดิวตี้ฟรีในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ กลุ่มคิงเพาเวอร์ได้ยื่นข้อเสนอในนาม บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิที่คะแนนสูงสุด อันดับ 1 ได้ 94.30 คะแนน และเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนปีละ 15,419,000,000 บาท อันดับ 2 กิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ได้ 83.10 คะแนน และเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนปีละ 8,516,653,333 บาท อันดับ 3 บริษัท โรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยื่นข้อเสนอการดำเนินงานในนามกิจการร่วมค้า ได้ 78.85 คะแนน และเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนปีละ 7,255,000,000 บาท

นายนิตินัย กล่าวว่า ทอท.ยังอนุมัติให้ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลประกอบกิจการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่ง ทอท.จะเรียกเก็บค่าผลตอบแทนรายเดือน ในอัตรา 15% ของยอดรายได้จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้นๆ ก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือตามจำนวนเงินเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี ปีแรก จำนวน 5,798,000,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามข้อเสนอที่คิงเพาเวอร์ให้ไว้ พร้อมทั้งจะปรับการเรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป โดยใช้สูตรการคำนวณพิจารณาจากอัตราการเจริญเติบโตของผู้โดยสารประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในปีปฏิทินก่อนหน้า

นายนิตินัย กล่าวว่า รวมถึงยังอนุมัติให้ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลได้รับสิทธิประกอบกิจการดิวตี้ฟรี 3 ท่าอากาศยานภูมิภาค ซึ่ง ทอท. จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือน ในอัตรา 20% ของยอดรายได้จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้นๆ ก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือตามจำนวนเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี ปีแรก เป็นจำนวนเงิน 2,331,000,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้รวม 3 สัญญา ในปีงบประมาณ 2564 ทอท. จะได้รายได้ 23,548 ล้านบาท สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับราว 10,000 ล้านบาทอย่างมีนัยยะ ทอท.จึงเชื่อว่าการประมูลในรูปแบบนี้จะให้ผลประโยชน์กับองค์กรและประเทศสูงสุด

“รวม 3 สัญญาแล้ว ปีงบประมาณ 2564 ทอท.จะได้รายได้รวมกว่า 23,548 ล้านบาท สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้กว่า 10,000 ล้านบาท ถือว่ามีรายได้สูงอย่างมีนัยยะ ซึ่งเชื่อว่าการประมูลในรูปแบบนี้จะให้ผลประโยชน์กับองค์กรและประเทศมากที่สุด โดยเกณฑ์การประเมินคะแนนครั้งนี้ไม่ได้อิงเฉพาะการแข่งขันเรื่องผลตอบแทนเท่านั้น เพราะทอท.กำหนดคะแนนด้านเทคนิคไว้สูง ซึ่งคิงเพาเวอร์ก็ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 เนื่องจากมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน สามารถประเมินความต้องการที่จะเกิดขึ้นหลังจากการขยายหลุมจอดเพิ่มขึ้นได้”นายนิตินัยกล่าว
ทั้งนี้ ทอท.จะเรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือนของดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ ในอัตรา 20% ของรายได้ จากการประกอบกิจการในรอบเดือนนั้นๆ ก่อนหักค่าใช้จ่ายใดๆ หรือตามจำนวนเงินเรียกเก็บค่าผลตอบแทนขั้นต่ำรายปี ปีแรก เป็นจำนวนเงิน 15,419,000,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นอัตราค่าตอบแทนที่คิงเพาเวอร์เสนอ และ ทอท. จะปรับการเรียกเก็บค่าผลตอบแทนขั้นต่ำรายปีเพิ่มขึ้นในปีต่อๆไป ให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร (ระหว่างประเทศ) ของทุกๆ ปี ตลอดอายุสัญญา
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

