เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ30.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ30.67 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก่อนขยับอ่อนค่าต่อที่ 30.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในคืนที่ผ่านมาตลาดเปิดรับความเสี่ยงอย่างคึกคักจากข้อสรุปสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวขึ้นนำโดยดัชนีS&P500 ของสหรัฐฯบวก0.77% ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ฝั่งยุโรปดัชนีSTOXX50ของยุโรปปรับตัวขึ้น0.69% ส่วนดัชนีFTSE100 ของอังกฤษพุ่งขึ้นกว่า0.97% หนุนโดยการอ่อนค่าของเงินยูโรและเงินปอนด์ซึ่งตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงและปัญหาการเมืองยุโรปที่ไม่สิ้นสุดหนุนให้เงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น0.45% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำปรับตัวลดลงกว่า0.50% สู่ระดับ1,388 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายจิติพล กล่าวว่า ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจภาคการผลิตของญี่ปุ่นที่ซบเซาจากพิษสงครามการค้ากดดันให้ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคการผลิตญี่ปุ่น(Tankan) ลดลงจากระดับ12จุดสู่ระดับ7จุดเช่นเดียวกันกับฝั่งจีนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิต(Caixin Mfg. PMI) ปรับตัวลดลงจากระดับ50.2จุดสู่ระดับ49.4จุดสิดคล้องกับการปรับตัวลงของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตสหรัฐฯ(ISM Mfg. PMI) จากระดับ52.1จุดสู่51.7จุดชี้ว่าภาคการผลิตทั่วโลกชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปัญหาสงครามการค้า
“ในประเทศอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) เดือนมิถุนายนชะลอตัวลงจากระดับ1.15% ในเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ0.87% จากปัจจัยราคาสินค้าพลังงานและค่าขนส่งปรับตัวลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนทั้งนี้การแข็งค่าลงอย่างต่อเนื่องของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในเอเชียส่งผลให้ในที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต้องออกนโยบายลดการดูดซับสภาพคล่องโดยรวมลง2หมื่นล้านบาทเพื่อกดดันให้ดอกเบี้ยระยะสั้นปรับตัวลงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับตลาดอย่างไรก็ดีตลาดการเงินในไตรมาสนี้มียังมีความน่าสนใจเพราะมุมมองของนักลงทุนที่อยู่ในโหมดระมัดระวังตัวสูงเฟดก็อาจลดดอกเบี้ยจริงในช่วงเดือนกันยายนขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจชะลอตัวลงทั่วโลกดอลลาร์จึงมีโอกาสแข็งค่ากลับได้ทันทีที่ตลาดทุนปิดรับความเสี่ยงคาดกรอบค่าเงินบาทวันนี้30.65 – 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพลกล่าว
