ชาวบ้านรอไปก่อน…ส่วนลดราคาแอลพีจีครัวเรือนต้องรอรมว.พลังงานคนใหม่เคาะ

กบง.ตุนเงินส่งต่อรมว.พลังงานคนใหม่เฉียด 4 หมื่นล้าน ลุ้นลดราคาแอลพีจี – ต่ออายุส่วนบด5บ.น้ำมันบี20

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ว่า ขณะนี้ราคาแอลพีจีในตลาดโลกเริ่มปรับลดลงอยู่ที่ 365 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาที่ลดลงจะส่งผลให้ราคาแอลพีจีขายปลีกถังครัวเรือน 15 กิโลกรัม (กก.) จากปัจจุบันอยู่ที่ 363 บาทต่อกก.ลดลงด้วยหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโนยายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ตัดสินใจ เนื่องจากขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บัญชีแอลพีจี ยังติดลบ 6,500 ล้านบาท

“กบง.ล่าสุดได้รายงานสถานะกองทุนน้ำเชื้อเพลิงภาพรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีฐานะสุทธิ 35,911 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 42,011 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 6,500 ล้านบาท เนื่องจากเข้าไปดูแลราคาแอลพีจีที่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ถึงกรอบที่กำหนดดูแลไม่เกิน 7,000 ล้านบาท และคาดการณ์สถานะกองทุน ณ วันที่ 31 สิงหาคมนี้ จะอยู่ที่ 38,494 ล้านบาท โดยบัญชีแอลพีจีจะติดลบเหลือ 6,046 ล้านบาทจากราคาแอลพีจีโลกที่ปรับลดลง”นายวัฒนพงษ์กล่าว

นายวัฒนพงษ์กล่าวว่า สำหรับนโยบายการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลเกรดพิเศษ บี 20 ขณะนี้ยอดการใช้อยู่ที่ประมาณ 4 ล้านลิตรต่อวัน เป็นไปตามเป้าหมายแล้ว จากที่ผ่านมาอยู่เพียง 9 แสนลิตรต่อวัน ส่วนจะขยายเวลาส่วนลดบี 20 ต่ำกว่าดีเซลธรรมดาลิตรละ 5 บาท จากเดิมถึงวันที่ 31 กรกฎาคมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่เช่นกัน ถ้าไม่ต่อเวลา ก็จะกลับไปขายบี 20 ต่ำกว่าดีเซลธรรมดาลิตรละ 3 บาทต่อไป

Advertisement

นายยงยุทธ จันทรโรทัย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) กล่าวว่า พพ.เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกพ.ศ.2561-2568(เออีดีพี2018 )ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย(พีดีพี2018) ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) อนุมัติ และเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)และคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบต่อไป ซึ่งภายใต้แผนดังกล่าวจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งสิ้น 33% ของกำลังผลิตไฟฟ้ารวมของประเทศ ณ สิ้นปี 2580 หรือคิดเป็น 29,358 เมกะวัตต์ โดยแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าต้องรอนโยบายจากรัฐมนตรีคนใหม่มาพิจารณา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image