เปิดแชทสุดท้าย สาวผูกคอตาย ใต้สะพานคลังสินค้าลาดกระบัง
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 4 กรกฎาคม ร.ต.อ.อภิชาติ กอนจันดา รอง สว.(สอบสวน) สน.ลาดกระบัง รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวผูกคอใต้สะพานต่างระดับขาออกคลังสินค้า ไอซีดี ประตู 3 มุ่งถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบที่เกิดพร้อมแพทย์นิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พ.ฐ.) อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่ใต้สะพานต่างระดับขาออกไปถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ พบศพนางจินตนา ค้าขาย อายุ 31 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้น สีเทา กางเกงวอมขายาว สีโอรส รองเท้าแตะแบบสวม ยืนงอเข่าใช้สายสะพายกระเป๋ารัดคอ ผูกกับท่อนไม้ที่นำมาขัดกับตอม่อสะพานทำขื่อ ในที่เกิดเหตุพบกระเป๋าสะพายและของใช้ส่วนตัวในที่เกิดเหตุ
ร.ต.อ.อภิชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้น คาดว่าเป็นการผูกคอด้วยตนเอง ในที่เกิดเหตุโดยรอบไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ ทั้งนี้ ต้องให้แพทย์เป็นผู้ระบุการเสียชีวิตที่แท้จริง นอกจากนี้จากการสอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าวไม่มีใครเคยพบเห็นผู้ตายมาก่อน ประกอบกับแถวนี้มีคนงานจำนวนมาก
ด้านนาย ประพันธ์ ค้าขาย อายุ 40 ปี สามีผู้ตายที่เดินทางมาที่เกิดเหตุ เผยว่า ตนกับผู้ตายเป็นสามีภรรยากันมีลูกด้วยกัน 2 คน ตนมีอาชีพขับรถรถเทรลเลอร์ส่งสินค้าภรรยาเป็นเด็กรถ และเดินทางนำสินค้ามาจาก จ.นครราชสีมา เพื่อส่งที่คลังสินค้าดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังไม่ได้ลงสินค้าต้องจอดรถรอเนื่องจากฝนตก กระทั้งช่วงค่ำที่ผ่านมา ตนและภรรยาได้ชักชวนกันไปนั่งดื่มสุราที่ร้านชำขายส่งใกล้ๆ กับคลังสินค้า ก่อนที่เจ้าของร้านชำขายส่งจะมาทวงถามถึงเงินค่ามาม่าถ้วยและปลากระป๋อง ที่ตนวานให้ผู้ตายไปซื้อที่ร้านดังกล่าวเมื่อช่วงเย็น
ตนจึงโมโหว่าให้เงินผู้ตายไปซื้อแล้วทำไมถึงไม่จ่าย จึงมีปากเสียงทะเลาะกันก่อนที่ตนจึงไล่ให้ผู้ตายไปนอนรอที่รถ ส่วนตนก็นั่งกินต่อส่วนตัวแล้วผู้ตายเป็นคนขี้น้อยใจ ตนไม่คิดว่าจะมาจบชีวิตแบบนี้
รายงานข่าวระบุว่า จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย พบว่าช่วงประมาณ 22.00 น.ก่อนพบศพ ผู้ตายได้แชทข้อความไปหารุ่นน้องคนสนิทในทำนองตัดพ้อว่า เครียด เพราะผัวทิ้ง อีกทั้งยังพบว่าในช่วง 22.00 น. มีการโทรศัพท์ไปหานายประพันธ์ แต่นายประพันธ์ก็ไม่ได้รับสาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำอย่างอะไรก่อนส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ตร.เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
