คนไทยทำบุญวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา หอการค้าคาดเงินสะพัด 6.7 พันล้าน (ชมคลิป)

oznorCBT_vivi

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ว่า คาดว่าการใช้จ่ายจะมีเงินสะพัดรวม 6,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2562) โดย 74% วางแผนทำบุญ และแผนเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทำบุญและท่องเที่ยว 86.2% โดยกิจกรรมที่นิยมทำ คือ การตักบาตร ถวายสังฆทาน และเวียนเทียน ขณะที่ 13.8% มีแผนเดินทางต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และสปป.ลาว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผลสำรวจระบุว่า การทำบุญปีนี้จะคึกคักใกล้เคียงกับปีก่อน ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว มีแนวโน้มคึกคักน้อยลงจากปีก่อน 39.1% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแย่ลง 36.7% ราคาสินค้าแพงขึ้น 30.7% หนี้สินมากขึ้น 18.3% และมีรายได้น้อยลง 14.3% และระบุว่าจะใช้เงินทำบุญต่ำกว่า 500 บาทในครึ่งปีหลัง โดยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยังวางแผนใช้จ่ายเท่าเดิม ส่วนต่างจังหวัดมีแนวโน้มใช้จ่ายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ประชาชนยังคาดหวังต่อรัฐบาลชุดใหม่เกี่ยวกับนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ ปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง พัฒนาระบบการศึกษา และราคาพืชผลทางการเกษตร ตามลำดับ

“ผลสำรวจชี้ให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในระบบเศรษฐกิจของประชาชน และเศรษฐกิจยังมีสัญญาณในการชะลอตัว ทำให้คาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) จะขยายตัวที่ 2.9-3% และหากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง สามารถขยายตัวได้ที่ 3.5-4% ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นไปได้ จะส่งผลให้ทั้งปีเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.3-3.5% แต่หากช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวได้ต่ำกว่า ทำให้ทั้งปีเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ต่ำกว่า 3.3% หรืออาจต่ำกว่า 3% ได้” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากการแต่งตั้งรัฐมนตรี จะพบว่า คณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจยังคงเป็นชุดเดิม แต่การเข้ามาบริหารกระทรวงด้านเศรษฐกิจของนักการเมือง เช่น กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงกระทรวงคมนาคม เป็นต้น เชื่อว่า ผู้ที่ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แม้มีประสบการณ์หรือไม่มีประสบการณ์ จะต้องเร่งดำเนินการต่างๆ เพื่อสร้างผลงานโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการต่างๆ ที่ได้เคยหาเสียงไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและประชาชน

Advertisement

“การที่บางกระทรวง มีรัฐมนตรีที่มาจากหลายพรรคการเมืองมองว่า คงไม่เป็นปัญหา แต่อาจส่งผลดีที่ทำให้กระทรวงนั้นๆ สามารถเร่งรัดโครงการต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ยังไม่มีมุมมองถึงการที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดังนั้น จึงขอฝากไปถึงรัฐมนตรีให้แบ่งการทำงานอย่างเกิดประโยชน์ ซึ่งก็ต้องรอดูผลงานอีกครั้งว่าจะออกมาเป็นอย่างไร” นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การที่มีหลายภาคส่วนประเมินอายุรัฐบาลสั้นที่ 6 เดือนนั้น หากเกิดขึ้นจริงเนื่องจากการทำงานที่มีปัญหา ก็จะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไม่ดี แต่หากการทำงานสำเร็จ แม้รัฐบาลจะอายุสั้น เศรษฐกิจก็ยังสามารถขับเคลื่อนไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร ในระหว่างที่รัฐบาลปฏิบัติหน้าที่จึงขอให้รัฐมนตรีมีการทำงานเป็นทีม มีการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ผลงานด้านเศรษฐกิจ ก็จะอยู่ที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)​ ที่เป็นตัวชี้วัด

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image