แม้พรรคพลังประชารัฐจะประเคนกระทรวงสำคัญในระดับเกรดเอให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย แต่ก็มิได้หมายความว่าจะให้อย่างหมอบราบคาบแก้ว
สัมผัสได้จาก 41 หน้าของร่างนโยบายรัฐบาลที่ส่งมอบให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อค่ำวันที่ 12 กรกฎาคม
ยังมากด้วย“เงื่อนไข”และมากด้วย “ปม”
โดยพื้นฐานแล้วอำนาจในการปรับแก้ยังเป็นของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเต็มเปี่ยม
ขณะเดียวกัน ก็ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับการสนองอย่างชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู และก็ใช่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้รับการ สนองอย่างไม่มีข้อต่อรอง
ในเรื่อง“รัฐธรรมนูญ” ในเรื่อง“กัญชาเสรี”
หากเปรียบเทียบ 2 นโยบายนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย กำหนดเป็นข้อต่อรองก่อนจะขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา เป็นนายกรัฐมนตรี
เรื่องกัญชายังเปิดกว้าง”เสรี”มากกว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะถือว่าเรื่องรัฐธรรมนูญมิได้ “เร่งด่วน”
แม้จะเขียนเอาไว้ในหมวดพัฒนาการเมืองแต่ก็มิได้กำหนดเวลาอย่างแน่ชัด
โอกาสจะ”หาย”ไปในสถานการณ์เข้มข้นมีสูงยิ่ง
ขณะที่เรื่องกัญชาก็แวดล้อมด้วยถ้อยคำกำกวม”สนับสนุน ให้มีการปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจและให้นำไปใช้ช่วยเหลือในทางการ แพทย์เท่านั้น ไม่ให้นำไปใช้ในเชิงสันทนาการ”
คำประกาศที่ว่า “กัญชาเสรี” จึงไม่เสรีในทางเป็นจริงเพราะยังอยู่ภายใต้ม่านควันของประโยค”หากจะนำไปใช้ในด้านอื่นๆขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีในกระทรวงพิจารณา”
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยเห็นเช่นใด
หากประเมินจากแถลงไม่ว่าจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่ว่าจาก นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ถือได้ว่าที่ปรากฏใน 41 หน้าเป็นบทสรุปพรรคร่วมรัฐบาล
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนกับ”อ้อยเข้าปากช้าง”
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะหวังใช้ที่ประชุมครม.นัดแรกเพื่อมีการปรับแต่งแก้ไข
แต่ก็ยากยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าที่ทำไปแล้ว