นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ในวันนี้ (16 กรกฎาคม) มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบรับในทิศทางที่ดี เนื่องจากเห็นอาการเมื่อวันจันทร์ (15 กรกฎาคม) ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดในแดนลบ ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความกังวลเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการสกัดเงินทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดทุนไทย ซึ่งอาจใช้เป็นที่พักเงินหรือเข้ามาทำกำไรในระยะสั้นได้ แต่สุดท้ายต่างชาติยังคงเข้าซื้ออยู่ ทำให้นักลงทุนรายบุคคลในประเทศน่าจะสบายใจขึ้นได้
นายประกิต กล่าวว่า จากความกังวลของเกณฑ์ที่ธปท.ออกมา จะทำให้นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตการลงทุนลดลง แต่สรุปแล้วยังมีการเข้าซื้อเกิดขึ้น ทำให้แรงกดดันในส่วนนี้เบาลง โดยการที่ครม.ได้เข้าถวายสัตย์ฯ เพื่อเตรียมเดินหน้าในการทำงาน นักลงทุนก็คาดหวังว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา รวมถึงการตอบรับจากต่างชาติเริ่มดีมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะทำให้บรรยากาศของตลาดดีขึ้น กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคและบริโภคภายในประเทศ น่าจะมีการปรับตัวขึ้นเพื่อเก็งกำไรล่วงหน้า ก่อนที่รัฐบาลจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปรยว่าขณะนี้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่พร้อมใช้รออยู่แล้ว
“เชื่อว่าการมีครม.ใหม่ที่พร้อมทำงานแล้ว จะเป็นส่วนหนุนให้ตลาดบวกได้ แต่อาจจะยังบวกไม่มากนัก เพราะยังมีความกังวลในเกณฑ์ของธปท. ที่ให้เวลาต่างชาติปรับพอร์ตถึงวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหากยังไม่ถึงวันนั้น นักลงทุนน่าจะยังรอดูทิศทางของปัจจัยดังกล่าวก่อนว่า ต่างชาติจะมีการปรับลดพอร์ตมากน้อยขนาดไหน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะออกมาคาดว่าจะเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการด้านภาษี ที่คงจะไม่ได้เป็นมาตรการที่ใหม่หรือเปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก แต่อาจจะใช้แพ็คเกจที่แรงกว่าเดิมเข้ามาช่วย โดยมองว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้ น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแกว่งตัวพักออกด้านข้าง ในกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,725-1,745 จุด”นายประกิตกล่าว
นายประกิต กล่าวว่า จากมาตรการที่ธปท.ออกมา อาจจะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลออกได้บ้าง แต่คงไม่ถึงกับไหลออกรุนแรงมากนัก เพราะที่ผ่านมาธปท.เคยมีมาตรการออกมาลดค่าเงินบาทในลักษณะนี้ แต่สุดท้ายแล้วเงินบาทก็กลับไปแข็งค่าขึ้น เพราะกระแสเงินไหลเข้ามาจากหลายปัจจัย ทั้งคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลง นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และปัจจัยการเมืองในประเทศไทย ซึ่งปัจจัยที่ดึงเข้ามามีมาก แต่มาตรการเป็นเพียงตัวช่วยให้บาทอ่อนลงชั่วคราวเท่านั้น
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
