พบแล้วศพแรกแม่ค้าขายน้ำ เหยื่อศาลาทรงไทยริมแม่น้ำแม่กลองถล่ม(ชมคลิป)

พบแล้วศพแรกนางสุรี อุราชื่น อายุ 37 ปี แม่ค้าขายน้ำ ถูกโครงสร้างทับ เจ้าหน้าที่ต้องนำขึ้นอย่างระมัดระวัง ส่วนนางสาวพรพิไล เสือเล็ก อายุ 24 ปี ที่มาทานข้าว เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาต่อไป

จากกรณีเกิดเหตุอาคารศาลาทรงไทยริมแม่น้ำแม่กลองถล่มมีผู้บาดเจ็บและสูญหายหลายรายนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่เริ่มดำน้ำงมหาร่างผู้สูญหายตั้งแต่ 17.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชน 11 หน่วยงาน ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย นักประดาน้ำ 36 นาย โดยแบ่งกำลังนักประดาน้ำ 6 ชุด แบ่งเป็นชุดละ 2 นาย ใช้เวลาในดำประมาณ 15 – 20 นาที ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน โดยวางแผนการดำเนินงานกันลงสำรวจอาคารศาลาที่พังในแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมีความลึกประมาณ 8 เมตร ห่างจากฝั่งเกือบ 10 เมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยว ประกอบกับใต้น้ำมืด และศาลาซึ่งน้ำพังมีซากปรักหักพัง ทำให้ยากต่อการสำรวจ

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ศาลาทรงไทยพังถล่มจมน้ำแม่กลอง เจ็บกว่า 20 ราย สูญหาย 3 เจ้าหน้าที่ระดมทีมประดาน้ำเร่งค้นหา(ชมคลิป)
ผู้ว่าฯ แถลงข่าวสรุป 20 ผู้บาดเจ็บ 2 สูญหาย ศาลาทรงไทยริมแม่กลองถล่ม

โดยเจ้าหน้าที่จะลงสำรวจอาคาร จากนั้นจะนำทุ่นไปผูก เพื่อกำหนดพิกัดมุมของอาคาร ก่อนจะมาวางแผนเข้าค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งขณะนี้คาดว่าจะถูกอาคารทับเสียชีวิต หรือ อาจจะลอยน้ำไปแล้ว กระทั่งประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่พบศพของนางสุรี อุราชื่น อายุ 37 ปี เป็นแม่ค้าขายน้ำ ถูกโครงสร้างอาคารทับบริเวณมุมด้านร้านค้า เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครนยกโครงสร้างอาคารขึ้นอย่างระมัดระวัง จนถึงเวลา 23.50 น. จึงสามารถนำศพนางสุรีขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำการค้นหา นางสาวพรพิไล เสือเล็ก อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นชาวสมุทรสงครามที่มาทานข้าว แบบปูพรมตลอดจนกว่าจะเจอผู้สูญหายดังกล่าว

Advertisement

นายประจินต์ ธารศิริสิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า อาคารแห่งนี้คาดว่าสร้างเมื่อประมาณ 2515 หรือ 47 ปี มาแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบศาลาริมน้ำทั่วทั้งจังหวัด ขณะที่ศาลานี้ได้สั่งห้ามใช้แล้ว อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ 2563 จังหวัดได้รับการจัดสรรงบประมาณสร้างเขื่อน ซึ่งจะมีการรื้อศาลานี้แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน

ส่วนผู้สูญหายอีก 1 ราย เบื้องต้นทราบว่าก่อนเสียชีวิตอยู่บริเวณกลางศาลาดังกล่าว ซึ่งจะกำหนดพิกัดลงไปพิสูจน์ทราบต่อไป แต่อุปสรรคก็คือน้ำไหลแรง และลึก มีความอันตรายมาก ซึ่งจะค้นหาผู้สูญหายรายที่ 2 ต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image