กรมชลฯ เร่งส่งน้ำช่วยพื้นที่เกษตรประสบปัญหาฝนตกน้อย

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์ฝนที่ตกน้อยกว่าค่าปกติในหลายพื้นที่ ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่มีแนวโน้มหรือกำลังประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ สำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปีในเขตชลประทานทั้งประเทศ วางแผนเพาะปลูกข้าวนาปีไว้รวม 16.21 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้ว 10.65 ล้านไร่ คิดเป็น 66% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยาวางแผนเพาะปลูกข้าวนาปี รวม 7.65 ล้านไร่ ปัจจุบันเพาะปลูกไปแล้ว 6.06 ล้านไร่ คิดเป็น 79% ของแผน จากสภาวะฝนที่ตกน้อยกว่าค่าปกติ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำปิงที่สถานี P.17 อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับลุ่มน้ำน่านที่สถานี N.67 อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำบริเวณหน้าเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย จึงได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่ง ทำการประชาสัมพันธ์แนะนำให้เกษตรกรทยอยเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่และให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ส่วนพื้นที่ที่ได้ทำการเพาะปลูกไปแล้ว กรมฯจะส่งน้ำแบบรอบเวรหมุนเวียนแต่ละพื้นที่ รวมทั้งขอให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำปิง น่านและแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดสูบน้ำตามรอบเวรอย่างเคร่งครัด

นายทองเปลว กล่าวว่า ในส่วนของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุอ่างฯ มีอ่างฯที่อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดังนี้ อ่างฯที่มีปริมาณน้ำใช้การได้ 25% อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนมูลบน ส่วนอ่างฯที่มีปริมาณน้ำใช้การได้ 13% อาทิ เขื่อนทับเสลา และเขื่อนขุนด่านปราการชล ส่วนเขื่อนอื่นๆ คือ เขื่อนลำปาว มีปริมาณน้ำใช้การได้ 22% เขื่อนลำนางรอง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 20% เขื่อนลำพระเพลิง มีปริมาณน้ำใช้การได้ 14% เขื่อนกระเสียว มีปริมาณน้ำใช้การได้ 10% เขื่อนจุฬาภรณ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 5% และเขื่อนอุบลรัตน์ มีปริมาตรน้ำต่ำสุด 8 ล้านลูกบาศก์เมตร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image