“น้ำมันกัญชาหมอเดชา” วืด ภาคประชาชนเศร้าไม่ผ่านรับรอง จ่อพบ “อนุทิน” 21ก.ค.นี้ (คลิป)

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ พิจารณาตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสมเฉพาะรายของหมอพื้นบ้าน ซึ่งมีวาระการพิจารณาตำรับยาเฉพาะรายของหมอพื้นบ้านที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม 2 ตำรับ ได้แก่ ตำรับจอดกระดูก จ.กาฬสินธุ์ และน้ำมันกัญชาของนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี โดยมี นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีผู้เกี่ยวข้อง อาทิ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง ปรากฎว่า ที่ประชุมมีมติรับรองตำรับจอดกระดูก แต่ไม่รับรองสูตรน้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชา เพราะยังติดเรื่องคุณสมบัติของนายเดชาที่จะต้องเป็นหมอพื้นบ้านตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2556 โดยที่ประชุมมอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ กลับไปทำเรื่องคุณสมบัติของนายเดชาให้ถูกต้อง แล้วเสนอให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดฯ พิจารณาอีกครั้ง

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. เครือข่ายภาคประชาชน นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการ และเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค (มจพ.) เดินทางไป อย.เพื่อเข้าพบ นพ.ธเรศ หารือถึงเรื่องดังกล่าว แต่ถูกปฏิเสธอ้างว่าติดประชุม เครือข่ายภาคประชาชนเตรียมจะเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้

นายปานเทพ กล่าวว่า ทราบว่าวันนี้มีการประชุมของคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ ซึ่งได้มีวาระการพิจารณาน้ำมันกัญชาสูตรนายเดชาอยู่ด้วย แต่ผลปรากฏว่ายังไม่ผ่านการรับรอง โดยในที่ประชุมไม่มีข้อติดใจเกี่ยวกับวิธีการปรุงยา แต่กลับอ้างประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดผู้ประกอบวิชาชีพ เรื่อง กำหนดผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาการแพทย์แผนไทยที่จะสามารถปรุง หรือสั่งจ่ายยาตำรับที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ด้วย พ.ศ.2562 ประกาศเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ระบุว่านายเดชา ยังไม่ผ่านคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย จึงมอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ ดำเนินการประสานงานให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สุพรรณบุรี เป็นผู้รับรอง ก่อนนำเสนอตามขั้นตอนของสภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยให้การรับรองต่อไป

Advertisement

นายปานเทพ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้สอบถามไปยังเลขาธิการ อย.ถึงขั้นตอนต่อไป หลังจากสูตรน้ำมันกัญชานายเดชาผ่านการรับรองแล้ว โดยได้รับการแจ้งว่า จะให้ไปดำเนินการร่วมกับรัฐอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล หรือสภาเกษตรกรแห่งชาติ หรือหน่วยงานภาครัฐ หรือให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ เป็นเจ้าภาพในการขอของกลางกัญชาเพื่อนำมาปรุงยา

น.ส.รสนา กล่าวว่า การรับรองนายเดชา เป็นหมอพื้นบ้านเป็นหน้าที่ของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ไม่เกี่ยวกับ อย. ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาสูตรน้ำมันกัญชานายเดชาว่าผ่านหรือไม่ โดย อย.ได้กำหนดวิธีการในการใช้กัญชาจากช่องทางพิเศษ หรือ Special Access Scheme (SAS) แต่ในไทยยังไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาที่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงทำให้การเข้าถึงยามีเพียงโครงการศึกษาวิจัย ดังนั้น ทั้งสารสกัดกัญชาไม่ว่าจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) โรงพยาบาล (รพ.) เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และน้ำกัญชาสูตรอาจารย์เดชา เป็นยาที่ยังไม่สามารถกล่าวอ้างได้ว่ามีสรรพคุณรักษาอาการใดได้ จนกว่าจะวิจัยและพิสูจน์ได้ว่าสามารถรักษาโรคได้จำนวน 1,000 คน โดยสารสกัดที่มาจากกัญชาตอนนี้จึงอยู่ในระบบ SAS ทั้งหมด

น.ส.รสนา กล่าวว่า น้ำมันกัญชาสูตรอาจารย์เดชา สกัดด้วยน้ำมันมะพร้าว โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ผ่านการรับรองในเบื้องต้นแล้ว แต่เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด จึงต้องผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษของ อย. และ ป.ป.ส. ขณะนี้คิดว่า อย. ยังสับสนในบทบาท ทำให้การพิจารณาสูตรน้ำมันต้องขยายเวลาออกไป 1 เดือน ทำให้เรื่องล่าช้า เสียเวลา ไม่เห็นแก่ผู้ป่วยที่หมดหวังและกำลังรอรับยารักษาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มียาที่สกัดด้วยวิธีเดียวกัน ต่างกันใช้น้ำมันมะกอก

Advertisement

“ซึ่ง อย.ควรพิจารณาสูตรว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ใช่มีหน้าที่ว่าจ่ายได้หรือไม่ ไม่ทราบว่า อย.ถ่วงเวลาทำไม เพราะ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรรักษาครอบคลุม 2 โรค เท่านั้น ขณะที่น้ำมันกัญชาสูตรอาจารย์เดชา จ่ายยาให้กับผู้ป่วยจำนวนมากครอบคลุมหลายโรค ซึ่งเข้าหลักการ SAS ที่เป็นการเก็บฐานข้อมูลพิสูจน์ว่ายามีความปลอดภัย และปัจจุบันมีผู้ใช้รักษาอาการโรคเกิน 1,000 ราย เป็นเรื่องควรส่งเสริม ไม่เช่นนั้นไทยจะแข่งขันกับต่างประเทศยากมาก ซึ่งต่างชาติห้ามเราทำมา 40 ปี เวลาเดียวกัน เขาค้นคว้า วิจัย จนสามารถจดสิทธิบัตร และจ่อยื่นอยู่ที่ประเทศของเรา เพื่อผูกขาดสิทธิบัตรกัญชาให้ไทยซื้อ และในเวลา 5 ปีที่รัฐผูกขาด ไม่มีทางที่จะไล่ตามต่างชาติทัน” น.ส.รสนา กล่าวและว่า ทางออกคือ ให้หมอพื้นบ้านใช้ สกัดรวมโดยไม่ต้องแยกสารสำคัญ หรืออ้าง GMP นอกจากนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า อย. จะมีเรื่องของผลประโยชน์หรือไม่ เพราะกัญชาใต้ดินเกลื่อนเต็มไปหมด แต่ อย.ไม่ไปจับ ไม่สนใจ แต่กลับสกัดกั้นสูตรน้ำมันกัญชาของนายเดชา ซึ่งแจกฟรี

น.ส.รสนา กล่าวว่า ขอเรียกร้องว่า อย.ควรเร่งรัดผ่านน้ำมันกัญชาสูตรอาจารย์เดชา และทางเครือข่ายภาคประชาชนจะขับเคลื่อนโดยจะยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล โดยขอให้หมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยนำร่องปลูกกัญชาภายในครัวเรือน ไม่เกิน 6 ต้น ก่อนเพื่อนำมาปรุงตำรับยา

น.ส.สารี กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังมากที่ อย.ใช้เทคนิค และกฎหมายไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง โดยอาศัยกฎหมายของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ในการดูแลผู้ประกอบวิชาชีพ แต่กลับซื้อเวลาและผลักภาระให้นายเดชาตัดสินใจ สร้างปัญหาให้กับกลุ่มผู้ป่วยของนายเดชาที่กำลังรอยาอย่างมีความหวัง ก่อนหน้านี้มูลนิธิฯ มีความพยายามที่จะนำตัวอย่างน้ำมันกัญชาที่แจกจ่ายในท้องตลาด แต่ไม่มีหน่วยงานใดรับตรวจ ส่วน อย.หากต้องการที่จะตรวจความปลอดภัยน้ำมันกัญชา มูลนิธิสามารถจัดหามาให้ตรวจได้ เพราะตอนนี้มีขายเกลื่อนตลาด โดยทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมต่อนายเดชาอย่างยิ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image