ฮือฮาไปทั่วโซเชียลกับการตามหาน้องงูพันธุ์ maxican black king snake ของน.ส.สุชานาถ ประสพผลสุจริต หรือน้องหยก นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะแพทยศาสตร์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมายฯ โดยล่าสุดได้น้องงูกลับคืนแล้ว
น้องหยก เปิดใจกับมติชนออนไลน์ว่า เป็นคนชอบงู เลี้ยงงูมาปีกว่าๆ ตั้งแต่ปี 2560 ถึงตอนนี้มีทั้งหมด 7 ตัว ได้แก่ 1.อเมริกัน แบล็ค คิง สเน็ค จำนวน 1 ตัว 2. บอลไพธอน จำนวน 2 ตัว 3.คอร์น สเน็ค จำนวน 1 ตัว 4.งูหลามไทย จำนวน 1 ตัว 5.มิวค์ สเน็ค จำนวน 1 ตัว และ 6.ไวท์ ลิป ไพธอน จำนวน 1 ตัว
โดยทั้งหมดใช้เวลาเลี้ยงมาปีกว่าๆ เดิมทีเลี้ยงที่บ้านแต่ติดปัญหานิดหน่อยก็เลยเอามาเลี้ยงที่หอพักตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ส่วนตัวมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ แต่ที่ย้ายมาอยู่หอพัก เพราะใกล้สถานที่เรียนคือรพ.รามาฯ ตอนที่เอามาเลี้ยงไม่มีใครรู้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหอพักหรือเพื่อนร่วมหอพัก เพราะน้องอยู่ในกล่อง ไม่ได้ออกมาข้างนอก แต่ละตัวก็อยู่ในกล่องของตัวเอง เจ็ดตัวก็เจ็ดกล่อง แต่ตอนนี้คงรู้หมดแล้วเนื่องจากมีการประกาศตามหาน้องหาย
ถามว่าเพื่อนๆ ว่าอย่างไรบ้างหลังจากที่รู้ว่าเลี้ยงงู น้องหยกตอบว่า ส่วนใหญ่ก็กลัว รับทราบว่าเลี้ยง แต่ไม่มีใครตำหนิ ส่วนเจ้าของหอพักมารู้ตอนประกาศน้องหาย เจ้าของหอพักก็กลัวและบอกให้เอาออกไปจากหอพักซึ่งความจริงตั้งใจเอามาเลี้ยงแค่ช่วงสั้นๆ แล้วจะเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านอยู่แล้ว แต่มาเกิดเหตุน้องหายเสียก่อน ซึ่งคงจะต้องเอาน้องๆ ทั้ง 7 ตัวกลับไปเลี้ยงที่บ้านตั้งแต่สัปดาห์หน้า ส่วนเพื่อนๆ ข้างห้องนั้นยังไม่ได้พูดคุยด้วย จึงไม่ทราบว่าจะว่าอย่างไร
เมื่อถามว่าถ้าเอาไปเลี้ยงที่บ้าน พ่อแม่จะว่าอะไรไหม? น้องหยกบอกว่า พี่สาวน้องสาวกลัวงู แต่ก็ไม่ว่าอะไร ไม่ได้รังเกียจ เพราะงูจะอยู่ในแต่กล่อง จะนอนนิ่งๆ ไม่ได้ออกมา ส่วนแม่เคยเลี้ยงงูหลาม มารู้ว่าแม่เคยเลี้ยงก็ตอนที่ซื้องูมาเลี้ยง แล้วแม่ก็บอกว่าแม่เคยเลี้ยงเหมือนกัน
สำหรับน้องตัวที่หายไปและได้คืนมานั้น เป็นพันธุ์อเมริกัน แบล็ค คิง สเน็ค มีชื่อว่าเมิร์ก (Murk) ซึ่งแปลว่าสีดำ ความมืด หายไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2562 ซึ่งไม่ชัดเจนว่าหายไปช่วงไหน เป็นความประมาทของตนเองที่เปลี่ยนกล่องให้น้องแล้วไม่รู้ว่ากล่องแข็งแรงพอหรือไม่ ปรากฏว่าน้องดันจนฝากล่องโค้งแล้วเลี้อยออกมา น้องเลื้อยออกไปทางช่องระหว่างประตูบานเลื่อนกับมุ้งลวด และวันนี้เจ้าหน้าที่หอพักได้โทรมาบอกว่าเจอน้องที่ชั้นล่างหลังสังกะสีโดยเห็นแมวจ้องอยู่ จากนี้ก็ต้องตรวจเช็กน้องว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่
งูที่เลี้ยงทั้ง 7 ตัว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตยกเว้นงูหลามไทยที่ต้องมีใบครอบครองเพราะเป็นสัตว์คุ้มครอง ซึ่งในส่วนของงูหลามไทยที่เลี้ยงก็ได้นำใบซื้อขายและไมโครชิพไปที่กรมป่าไม้และทำเรื่องทำขอใบครอบครองเรียบร้อย ส่วนอีก 6 ตัว ไม่ต้องขออนญาต สามารถเลี้ยงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทั้งหมดที่เลี้ยงซื้อมาในราคาตัวละ 5,000 บาทขึ้นไป ทั้งหมดเป็นสัตว์ที่เพาะพันธุ์ในไทย ยกเว้นไวท์ ลิป ไพธอนที่ทางร้านแจ้งว่าได้นำเข้ามา
สำหรับน้องเมิร์กที่หายนั้น มีคุณค่าทางจิตใจมาก เพราะเป็นตัวแรกที่เก็บเงินซื้อเองในราคา 5,500 บาท และถือเป็นงูตัวแรกที่เลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ เท่าไส้เดือนจนโตขนาดนี้ซึ่งถ้าขายจะมีราคาประมาณ 10,000 บาท เพราะราคางูจะสูงตามขนาด ส่วนตัวแรกที่เลี้ยงจะซื้อมาตอนโต ตัวแรกที่เลี้ยงคือ คอร์นสเน็ค ทั้งนี้ที่เลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ ก็มีน้องเมิร์ก งูหลามไทย และมิวค์ สเน็ค
ตั้งแต่เลี้ยงมาปีกว่า ถูกกัดไป 3 ครั้งส่วนใหญ่ถูกกัดจากงูตัวที่ซื้อตอนโต อย่างไวท์ ลิป ไพธอน เคยถูกกัดเพราะงูที่ไม่ได้เลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ ก็จะไม่ชินกับการจับ และโดยพื้นฐานก็จะเป็นสัตว์ดุร้ายตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว งูพวกนี้ไม่มีพิษ เมื่อโดนกัดก็ไปฉีดกันบาดทะยัก ไม่ต้องฉีดเซรุ่ม
เมื่อถามว่างูน่ารักตรงไหน? น้องหยกตอบว่า ไม่พูด ไม่บ่น ไม่เห่า ไม่สร้างความรำคาญให้ใคร เลี้ยงง่าย เพราะจะกินแค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เนื่องจากต้องใช้เวลาย่อยนาน นอกจากนี้ทำให้เราพูดเก่งขึ้นด้วยเพราะเราต้องพูดคนเดียว สำหรับอาหารของงู ก็จะเป็นหนูแช่แข็ง หรือหนูเป็นๆ ที่มีฟาร์มหนูขายโดยเฉพาะ งูที่เลี้ยงทั้งหมดกินหนู ยกเว้นงูหลามไทยจะกินหนูกับลูกเจี๊ยบ ทั้งนี้งูไม่มีหู เวลาคุย เราก็จะคุยด้วยสายตา งูจะคิดว่าเราเป็นต้นไม้ กิ่งไม้ก็จะมาพัน
เมื่อถามว่าคิดว่าบาปไหมที่ให้อาหารด้วยหนู น้องหยกตอบว่า เป็นธรรมชาติของมัน ถ้างูกินแครอทได้ ก็อยากให้มันกินไปแล้ว แต่นี่มันกินแครอทไม่ได้
ทั้งนี้อยากฝากข้อคิดสำหรับคนที่จะเลี้ยงงู อยากให้ศึกษาให้ดี อย่าประมาทเหมือนตน และควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี แต่ถ้าหายไปก็อย่าทำร้ายเขาหรือทำให้เขาบาดเจ็บ ชีวิตใครใครก็รัก
