นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า ดีป้าเตรียมเสนอแผนของบประมาณในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 1,200 บาท โดยแบ่งเป็น 1.โครงการพัฒนาสตาร์ตอัพ 2.โครงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ภาคการเกษตร 3.โครงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล สำหรับรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) 4.การพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (เมืองอัจริยะ) ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น และกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหม่ อาทิ หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี อุดรธานี ลำปาง เชียงราย และใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่รองรับเรื่องการท่องเที่ยว ความปลอดภัยของประชาชนและความมั่นคง และการพัฒนาเพิ่มกำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล
นายณัฐพล กล่าวว่า 5.การพัฒนาสถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัล ให้กลายเป็นไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์ พื้นที่ที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาแนวคิดและพัฒนาเทคโนโลยีต้นแบบรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อสนับสนุนโครงการดิจิทัลพาร์ค ไทยแลนด์ และ 6.โครงการดิจิทัลแมนพาวเวอร์ ที่มีเป้าหมายปั้นกำลังคนด้านดิจิทัลเพิ่มเป็น 40,000 คนต่อปี รวมถึง โครงการที่มีงบผูกพัน 2,300 ล้านบาท อาทิ การก่อสร้างสถาบันไอโอที การเตรียมสถานที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมเป็นการขอจัดสรรงบประมาณ จำนวน 3,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ดีป้ายังจัดงานขอบคุณ 14 พันธมิตรในโครงการดิจิทัล อีโคโนมี โก 2เก็ตเตอร์ ที่ให้การเงินสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลรวมถึงพัฒนาและส่งเสริมให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศ ได้แก่ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท อินทัชโฮลดิ้งส์ จำกัด, บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน), บริษัท อัฟวาแลนท์ จำกัด, บริษัท ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นจํากัด (มหาชน), บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
“พันธมิตรจะให้เงินสนับสนุนรายละ 150,000 บาทต่อปี คาดว่า ภายในปีนี้จะเพิ่มพันธมิตรอีก 10 รายเป็น 24 ราย และตั้งเป้ามีพันธมิตร 100 ราย ในปี 2563” นายณัฐพล กล่าว