นายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยระหว่างการศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นว่า เบื้องต้นประเทศไทยยังไม่สามารถติดตั้งโรงงานคัดแยกสารปรอทแบบ โนบุระ โคซัง ประเทศญี่ปุ่นได้ ซึ่งปัจจุบัน กนอ.กำลังดำเนินการโครงการระบบติดตามกากอุตสาหกรรม จากต้นทางถึงปลายทาง ใช้งบประมาณปี 2562 ประมาณ 12 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเสนอคณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยง กนอ.เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการในเดือนสิงหาคมนี้ และคาดว่าจะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2562
“งบประมาณ 12 ล้านบาท เป็นงบประมาณเบื้องต้น เพื่อเป็นการลงทุนทางด้านซอฟต์แวร์ หรือการติดตั้งระบบจีพีเอสกับตัวรถขนส่งขยะ ส่วนเครื่องชั่งน้ำหนักที่ใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท จะขอความร่วมมือจากกรมทางหลวง เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และอีกส่วนจะมีการเรียกเก็บงบประมาณจากผู้ประกอบการในการกำจัดกากอุตสาหกรรมเพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคม”
นายจักรรัฐกล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการที่นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ จ.ลำพูน ซึ่งมีจำนวน 76 โรงงาน เนื่องจากเป็นนิคมอุตฯเก่ามีการเข้า-ออกทางเดียว สามารถตรวจสอบและติดตามผลได้ง่าย หลังจากนั้นจะขยายผลไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั่วประเทศ คาดว่าจะมีการใช้งบประมาณน้อยกว่า 12 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการพัฒนาในเรื่องของระบบซอฟต์แวร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โครงการดังกล่าวจะดำเนินการโดย บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด หรือ Gusco (กัสโก้) บริษัทร่วมทุนของ กนอ. คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ ซึ่งขยะแบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.ขยะมูลฝอย ซึ่งดูแลโดยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 2.ขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย ดูแลโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และ3.ขยะอุตสาหกรรมอันตราย ดูแลโดย กรอ. จากการสำรวจของกนอ.พบว่ามีขยะอันตรายภายในประเทศมีประมาณ 3 ล้านตันต่อปี”
