‘จุติ’ ยัน รบ.ให้ความสำคัญ ‘คนหลากหลายทางเพศ’ เตรียมเดินหน้า พ.ร.บ.รับรองเพศฯ
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 2 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวชี้แจงกรณีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ พาดพิงนโยบายรัฐบาลด้านสังคม อาจไม่ตอบโจทย์สถานการณ์ทางสังคม อาทิ ไม่มีถ้อยคำระบุถึงความหลากหลายทางเพศเลย เป็นต้นว่า เรื่องความเท่าเทียมทางเพศที่รัฐบาลไม่ได้ระบุในนโยบาย จริงๆ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมาก วันนี้ตนยังได้พบคุณกิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย คุณนาดา ไชยจิตต์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน เครือข่ายฯ และผู้มีปัญหาที่มาร้องกับ พม. ซึ่งจากการพูดคุยเราตกลงกันว่าเรื่องนี้สำคัญ ทุกคนต้องมีที่ยืน มีศักดิ์ศรี และตกลงกันอีกว่าภายในสัปดาห์ที่สองของเดือนสิงหาคม จะทำเวิร์กช็อปแก้ปัญหานี้ให้เกิดความเป็นธรรมและสร้างบรรทัดฐานต่อสังคมต่อไป
นายจุติกล่าวชี้แจงอีกว่า ส่วนประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มชายขอบ นายกฯก็เน้นย้ำตั้งแต่แรกว่าให้ดูแลคนกลุ่มนี้ ที่ผ่านมาตนได้พบตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว กำลังวางบทบาทว่าจะทำงานอย่างไร ภายใต้ข้อจำกัดที่มี ส่วนปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่และเกิดกับอนาคตของประเทศ ฉะนั้น เด็กที่เกิดมาแล้วจะทำอย่างไรที่จะเกิดโดยสมบูรณ์ ได้รับสิทธิ การศึกษา ส่วนตัวแม่ต้องมีอาชีพ มีความรู้ดูแลบุตรและต้องกลับสู่สังคมได้ นอกจากนี้ ยังมีสังคมสูงอายุ ที่ตนจะเชิญทุกมหาวิทยาลัยเวิร์กช็อปในเดือนสิงหาคม เพื่อทำแผนแม่บทมองอนาคตไทยไปอีก 15-20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญทุกเรื่อง นายกฯกำชับว่าต้องเร่งทำเหมือนเขาเป็นลูกหลานเรา
สำหรับผลการหารือระหว่าง รมว.พม.กับเครือข่ายหลากหลายทางเพศ ได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1.ขอความเป็นธรรมกรณีครูกฤษฏ์ จัดสนาม ครูข้ามเพศ ครูผู้ช่วยโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ถูกประเมินผลการปฏิบัติราชการต่ำมากและอาจถูกให้ออกจากราชการเนื่องจากยืนยันที่จะแต่งกายตามเพศสภาพ และ 2.ขอให้ พม.ช่วยขับเคลื่อนร่างพระราชบัญญัติการรับรองเพศสภาพของบุคคลข้ามเพศ พ.ศ. … โดย นายจุติได้ตอบรับจะให้ความเป็นธรรม พร้อมจะเร่งศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดทำร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศสภาพของบุคคลข้ามเพศ พ.ศ. … โดยมอบหมายให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
