‘แอลจี’ เผยยอดขาย ‘ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน’ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ (แอลจี) เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 และรายได้ครึ่งแรกของปี 2562 มียอดขายรวม 13.40 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 4.22 แสนล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงาน 559.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.76 หมื่นล้านบาท) สำหรับเดือนเมษายน-มิถุนายน 2562 โดยยอดขายได้ปรับตัวสูงขึ้น 4.1% ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง 15.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งผลกำไรของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกำไรที่แข็งแกร่งจากกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร มีส่วนสำคัญในการชดเชยรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ

กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ สร้างสถิติยอดขายสูงสุดที่ 5.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.65 แสนล้านบาท) สำหรับไตรมาสที่ 2 ของปี ซึ่งนับว่าเป็นยอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอลจี อีเลคทรอนิคส์ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากประเทศเกาหลีใต้ และภูมิภาคหลัก เช่น อเมริกาเหนือ ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 16.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2561 ส่วนรายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ก็ได้สร้างสถิติรายได้สูงสุดสำหรับช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ที่ 615.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.94 หมื่นล้านบาท) ซึ่งผลกำไรที่สูงขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น เครื่องปรับอากาศ รวมถึงการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 2 ที่ 3.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 9.92 หมื่นล้านบาท) ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากความต้องการที่ลดลงในภูมิภาคต่างๆ เช่น ยุโรป และละตินอเมริกา ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมกีฬาครั้งใหญ่ไปในไตรมาสที่ 2ของปี 2561 และได้กระตุ้นยอดขายในช่วงดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับรายได้จากการดำเนินงานที่ 176.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 5.55 พันล้านบาท) ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากได้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างประสิทธิภาพด้านการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในตลาดหลัก รวมทั้งยังเป็นผลมาจากการอ่อนตัวของค่าเงิน อย่างไรก็ตาม ได้มีการคาดการณ์ว่าความต้องการสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ทีวี OLED ทีวี NanoCell และทีวีจอใหญ่ Ultra HD จะเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่จะถึงนี้

กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพทมือถือ ประกาศยอดขายประจำไตรมาสที่สองของปี 2562 ที่ 1.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 4.35 หมื่นล้านบาท) ลดลง 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากความต้องการซื้อที่ลดลงในตลาดสมาร์ทโฟน และการต่อสู้ด้านราคาที่รุนแรงของผู้ผลิตจากประเทศจีน ในส่วนของยอดขายนั้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 6.8% แต่ผลจากการดำเนินงานขาดทุน 268.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 8.45 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการลงทุนด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการย้ายฐานการผลิตสมาร์ทโฟนไปยังประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหมู่มาก รวมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ 5G จะทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่สามเพิ่มสูงขึ้น

Advertisement

กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ รายงานรายได้ในไตรมาสที่สองที่ 1.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 3.84 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นถึง 63% จากไตรมาสที่ 2 ของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของระบบความบันเทิงภายในรถยนต์ และความต้องการซื้อที่สูงขึ้นสำหรับส่วนประกอบยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่ผลการดำเนินงานขาดทุน 47.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.51 พันล้านบาท) จากค่าใช้จ่ายในการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการริเริ่มโครงการใหม่หลายโครงการ และความล่าช้าในการจัดตั้งการผลิตสำหรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น จอแสดงผล Center Information Displays (CID) ในไตรมาสต่อๆ ไป บริษัทจะมุ่งไปที่การสร้างเสถียรภาพให้แก่การผลิดและส่งมอบชิ้นส่วนให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ และให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของโครงการใหม่ๆ เป็นอันดับแรก

กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร สร้างยอดขายในช่วงไตรมาสที่สองที่ 579.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.82 หมื่นล้านบาท) สูงขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และสูงขึ้น 8% จากไตรมาสแรก เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์จอ LED และ OLED เชิงธุรกิจพาณิชย์ และแผงโซลาร์เซลล์ในตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีรายได้จากการดำเนินงาน 49.82 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 1.57 พันล้านบาท) อัตราการเติบโตปีต่อปีเพิ่มขึ้น 49% และอัตราการเติบโตไตรมาสต่อไตรมาสเพิ่มขึ้น 4.7% จากการพัฒนาประสิทธิภาพในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพการผลิต โดยคาดว่าในอนาคตจอเชิงธุรกิจพาณิชย์และแผงโซลาร์แซลล์จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของไตรมาสที่ 2 ปี 2562
รายได้ที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบด้านบัญชีประจำไตรมาสของ แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ IFRS (International Financial Reporting Standards) สำหรับช่วง 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ทั้งนี้ อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสเดียวกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2562 อยู่ที่ 31.5 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ (ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารแห่งประเทศไทย)

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image