นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันที่ 5 สิงหาคม เปิดที่ระดับ30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ30.81 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในสัปดาห์นี้เชื่อว่านักลงทุนจะระวังตัวมากขึ้นจากตลาดการเงินที่เข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยงตั้งแต่ท้ายสัปดาห์ก่อน ขณะที่ในระยะสั้นก็มีการประชุมธนาคารกลางมากมายมีความเป็นไปได้สูงที่ทั้สองเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐไม่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินในประเทศฝั่งเอเชียมากนักทั้งนี้ทิศทางของเงินหยวนก็มีความน่าสนใจมากเนื่องจากหยวนอ่อนค่ารับคำขู่ของนายโดนัลด์ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐเรื่องการเก็บภาษีทำให้หยวนจากระดับ6.85 ขึ้นไปที่6.95 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ถ้าสัปดาห์นี้เงินหยวนแตะระดับ7.00 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐก็อาจส่งผลให้เกิดแรงขายสกุลเงินเอเชียอื่นๆตามมาอีกระลอก
“เงินบาทอาจไม่อ่อนค่าเร็วนักเนื่องจากในระยะสั้นยังคงมีแรงขายทองที่ราคาปรับตัวขึ้นพร้อมกันเข้ามากดดันอยู่ในช่วงนี้และต้องจับตาคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่7 สิงหาคมนี้คาดว่ากนง.จะคง”อตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ1.75% แม้โดยรวมเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มขยายตัวต่ำจากการค้าโลกที่ซบเซาและอัตราเงินเฟ้อก็ชะลอตัวลงเรื่อยๆแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับมีความเป็นห่วงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินอยู่จึงมีความเป็นไปได้น้อยที่จะพลิกมุมมองให้ผ่อนคลายหรือลดดอกเบี้ยเหมือนที่อื่นคาดกรอบเงินบาทวันนี้30.70-30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐและกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้30.60-31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพลกล่าว
นายจิติพลกล่าวว่าเศรษฐกิจและตลาดการเงินสัปดาห์นี้ แนะนำจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินทั่วทั้งเอเชียคาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ1.00% หลังลดดอกเบี้ยลง2 ครั้งรวม0.50% ไปแล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ด้านธนาคารกลางนิวซีแลนด์ตลาดคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% สู่ระดับ1.25% ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการใช้นโยบายการเงิน เช่นเดียวกับธนาคารกลางอินเดียที่คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% สู่ระดับ5.50% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่4 ของปีนี้ต่อด้วยธนาคารกลางฟิลิปปินส์ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง0.25% สู่ระดับ4.25%
เกาะกระแสเศรษฐกิจใกล้ตัว กับมติชน คลิ๊ก!
