‘ศักดิ์สยาม’ ยันบอร์ดรัฐวิสาหกิจลาออกไม่กระทบการทำงาน ตั้งรักษาการลุยงานแทน พร้อมเดินหน้า 5 เรื่องเร่งด่วนตามแผน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย นโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติต้องการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบคมนาคมให้เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถแข่งขันได้โดยมีต้นทุนที่ลดลง โดยงบสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของกระทรวงคมนาคม ปี2558-2565 อยู่ที่ราว 1.9 ล้านล้านบาท ทั้งทางราง ทางถนน ทางน้ำ และทางอากาศ สำหรับเรื่องเร่งด่วน 5 เรื่องที่จะเร่งดำเนินการได้แก่ 1.การเพิ่มสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด 2.บริหารทรัพยาการให้มีประสิทธิภาพ 3.แก้ปัญหาปากท้องและค่าครองชีพ 4.ทุกโครงการต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ 5.เร่งรัดการแก้ไขปัญหาที่ล่าช้า เช่น ถนนพระราม 2 ที่การแก้ปัญหาไม่ยากแต่ต้องบูรณาการกัน สามารถใช้การขนส่งทางทางน้ำเข้ามาช่วย โดยใช้เรือบรรทุกรถบรรทุกจาก ท่าเรือที่อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ไปยังแหลมฉบังได้ลดปริมาณรถบรรทุกบนท้องถนนลงได้ โดยกระทรวงคมนาคมพิจารณาเรื่องใบอนุญาติซึ่งเอกชนพร้อมลงทุนอยู่แล้ว คาดเริ่มใน 6 เดือน ด้านปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกให้ตรวจสอบยานพาหนะทุกอย่างภายใต้การกำกับเพื่อควบคุมมลพิษ ด้านการจรจาจร ในกรุงเทพฯ ได้มีการปรับระยะเวลาการวิ่งเข้ามเมืองของรถบรรทุกเป็นช่วง 0.00-04.00 น.ดดยจะมีการหารือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานครในสัปดาห์หน้า ส่วนการจรจาจรระหว่างจังหวัด ได้ปรับความเร็วการขับขี่เป็นสูงสุด 120 กิโลเมตร(กม.)ต่อชั่วโมง เพราะขณะนี้ผิวจราจรเพียงพอแต่วินัยจราจรของผู้ใช้งานยังไม่ดีมากนัก ยกตัวอย่าง หากเป็น ถนน 4 เลน อาจจะกำหนด เลนซ้ายสุดที่ 60 กม. ต่อชั่วโมง เลนต่อไป 80 กม. ต่อชั่วโมง และ 100 กม.ต่อชั่วโมง และเลนขวาสุดที่ 120 กม.ต่อชั่วโมง โดยหากขับเร็วเกินกำหนกก็จะมีโทษเช่นเดียวกับการขับช้าเกินไปก็จะมีโทษเช่นกัน

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ด้านการแก้ไขกฎหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจแบ่งปัน(แชริ่งอีโคโนมี) จะพัฒนาแอพลิเคชั่นโดยคนไทยตามนโยบายไทยเฟิร์ส คนไทยทำ คนไทยเป็นคนใช้ คนไทยต้องมาก่อน เพื่อทำให้แท็กซี่ จักรยานยนต์ รถตู้ เข้าระบบให้ถูกต้อง ส่วนแอพลิเคชั่นเดิมที่มีการใช้กันอยู่ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะรายได้ที่เกิดขึ้นคนไทยไม่ได้ประโยชน์และรายได้ไม่ได้อยู่ในไทย ซึ่งการพัฒนาแอพลิคชั่นจะซื้อเทคโนโลยีต่างชาติเข้ามาเพื่อนำมาพัฒนาก็ได้ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะดำเนินการส่วนการแก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร หากนำแอพลิเคชั่นมาให้บริการเชื่อว่าจะสามารถควบคุมพฤติกรรมคนขับได้ดีขึ้น แต่หากยังฝ่าฝืนจะมีมาตรการเด็ดขาด คือยกเลิกใบอนุญาต ทั้งนี้ จะใช้เทคโนโลยีพัฒนาตั๋วร่วมให้สามารถใช้ได้กับทุกระบบขนส่งสาธารณะ จะยกเลิกการใช้ไม้กั้นทางด่วนและจะใช้ระบบกล้องติดตามแทนเพื่อลดปัญหารถติด ส่วนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 15 บาทนั้น ขณะนี้กำลังศึกษาโดยเชื่อว่าสามารถทำได้จริง และยืนยันว่าจะไม่นำภาษีของประชาชนมาอุดหนุน

“สมัยผมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จะต้องไม่ค่าโง่และโครงการต้องโปร่งใส เพื่อป้องกันสิ้นเปลืองงบประมาณ โดยโครงการของกระทรวงคมนาคมก่อนดำเนินการ จะมีการศึกษาก่อนทุกโครงการ โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ศึกษา ดังนั้นแต่ละขั้นตอนจะพิจารณาตามกรอบของ สนข. และข้อกำหนดโครงการ(ทีโออาร์) ที่เขียนออกมามีอะไรไปเพิ่มเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าไม่เพิ่มเติมก็ไม่มีผิดปกติ เมื่อได้ผู้รับจ้าง ก็ต้องพิจารณาสัญญาว่ามีการเขียนอะไรเพิ่มหรือไม่ เชื่อว่าหากทำตามสัญญาปกติก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย นอกจากนี้ ยังให้ สนข. มีการศึกษาเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน(เคพีไอ) ด้วย” นายศักดิ์สยาม กล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงกรณีการลาออกของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ว่า เรื่องการลาออกถือเป็นธรรมเนียมปกติเวลาของทุกกระทรวง ไม่เฉพาะคมนาคม ที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี โดยจะวัดจากประสิทธิภาพในการทำงาน(เคพีไอ) หากเข้ามาดำรงตำแหน่งระยะหนึ่งแล้ว การบริหารมีประสิทธิภาพ องค์กรมีการพัฒนา ผลการดำเนินงานหรือผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจที่ดูแลดีขึ้น เชื่อว่าไม่มีใครแตะต้องได้ แต่หากเข้ามาบริหารแล้วประสิทธิภาพลดลง ขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น ก็ควรที่จะเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นเข้ามาทำงาน โดยการทำงานของตนเป็นคนทำงานเร็ว ส่วนกระทรวงอื่นจะเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ ด้านการลาออกของ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นลาออกนั้น ยังไม่ได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงคมนาคม ส่วนกรณีคณะกรรมการของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่แต่งตั้งมาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นั้น ยืนยันว่าสามารถลาออกได้ โดยหากมีคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจใดลาออก ก็จะเข้าสู่กระบวนการสรรหาและเสนอเพื่อให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ แต่ระหว่างการสรรหาไม่น่าจะเป็นอุปสรรคการทำงาน เพราะสามารถตั้งรักษาการแทนได้

Advertisement

“ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการทบทวนงบประมาณปี 2563 ว่าจะยังคงกรอบเดิมและเรียงลำดับความสำคัญโครงการต่าง ๆ ตามหรือไม่ โดยต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ ในส่วนของการเดินอากาศ นั้น นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ดูแล ซึ่งในส่วนการซื้อเครื่องบินใหม่ของการบินไทย 38 ลำ เพื่อเข้ามาทดแทนเครื่องบินที่หมดอายุก็จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าเครื่องเก่า คนก็ไม่ใช้บริการ ซึ่งหากไม่ลงทุนจะปล่อยให้เจ๊งไปก็ไม่ได้ ดังนั้นต้องลงทุนแต่การลงทุนเมื่อลงทุนแล้วจะต้องเพิ่มกำไรด้วย โดยโครงการนี้ถือว่าอยู่ในการทบทวนกรอบงบประมาณเช่นกัน นอกจากนี้ ยังให้ไปทบทวนเรื่องราคาตั๋วเครื่องบินด้วยเพราะหากขายแพงก็ไม่สามารถแข่งขันได้” นายศักดิ์สยาม กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image