นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ภาพรวมการจับจ่ายและการบริโภคในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปี 2562 คาดว่าจะหวือหวามากนัก เพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่อัตราการเติบโตลดลงจากภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐและจีนรวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่า สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรและภัยแล้ง อย่างไรก็ดี เชื่อว่ารัฐบาลจะมีเม็ดเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ ประกอบกับภาคธุรกิจ ห้างร้าน และแบรนด์ต่างๆ มีการจัดโปรโมชั่นพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูการจับจ่ายใช้สอย คาดว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นและการจับจ่ายปรับดีขึ้นได้ โดยภาพรวมปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายจำนวนบัญชีใหม่รวม 900,000 บัญชี ช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวนบัญชีใหม่แล้ว 479,000 บัญชี แบ่งเป็นบัญชีบัตรเครดิตใหม่ 274,000 บัญชี บัญชีสินเชื่อบุคคลใหม่ 205,000 บัญชี โดยยอดการจับจ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 165,000 ล้านบาท คาดทั้งปีอยู่ที่ 330,000 ล้านบาท ส่วนยอดสินเชื่อบุคคลปล่อยใหม่อยู่ที่ 50,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีแตะ 85,000 ล้านบาท
นายฐากร กล่าวว่า สำหรับช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะกำหนดมาตรฐานการให้สินเชื่อใหม่มาใช้เพิ่อควบคุมการก่อหนี้เกินตัวและชะลอการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ กลุ่มรายไต้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน กลุ่มเริ่มทำงาน และกลุ่มวัยใกล้เกษียณ โดยหากมีการกำหนดภาระหนี้ต่อรายได้(ดีเอสอาร์) ที่ 70% ของรายได้ของกลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน คาดว่าจะทำให้ลูกค้าที่เข้ามาขอสินเชื่อใหม่หายไปราว 15% เพราะมีดีเอสอาร์เกิน 70% และอาจจะทำให้สินเชื่อใหม่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี หากผู้ที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนเงินเหลือใช้มีถึง 30,000 บาท แต่ถ้าคนมีรายได้ 10,000 บาท เงินเหลือใช้มีเพียง 3,000 บาท ซึ่งกลุ่มนี้อาจต้องกำหนดภาระหนี้ลงมาเหลือ 50% เพื่อให้มีเงินเหลือใช้ดำรงชีพ โดยภาคธนาคารต้องปรับตัวมากขึ้นในปีหน้า แต่อย่างน้อยทุกอย่างจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
“ปัจจุบันการพิจารณาปล่อยสินเชื่อทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลของธนาคารมีความเข้มงวด การพิจารณาดีเอสอาร์ตามความความสามารถในการชำระหนี้ และการตรวจสอบประวัติการชำระหนี้จากเครดิตบูโร ทำให้คุณภาพสินเชื่อขิงธนาคารอยู่ในเกณฑ์ดี และควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) รวมอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยเอ็นพีแอลบัตรเครดิต 1.1% และเอ็นพีแอลสินเชื่อบุคคล 2.4% “ นายฐากร กล่าว
