“CKPower”โชว์แกร่ง เผยไตรมาส 2 รายได้เพิ่ม 15% กำไรพุ่ง 26.5%

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ “CKP” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 ว่า CKPower มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,965 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้ของโรงไฟฟ้า น้ำงึม 2 ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาอีกจำนวน 3 โครงการ ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็น 83.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 26.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าในไตรมาสนี้ จะมีการหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (Major Overhaul) ของโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 (BIC1) ก็ตาม

นายธนวัฒน์กล่าวว่า นอกจากผลประกอบการที่เติบโตขึ้นแล้ว ในเดือนพฤษภาคม 2562 บริษัทฯ ได้ดำเนินการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด อีกร้อยละ 5.33 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเพิ่มเติมรวม 681.5 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นทางอ้อมในโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 จากร้อยละ 42.0 เป็นร้อยละ 46.0

นายธนวัฒน์กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน CKPower ยังเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา เพิ่มเติมอีกรวม 4 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บางเลน จ.นครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พุทธมณฑลสาย 5 จ.นครปฐม กำลังการผลิตติดตั้ง 0.97 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มหาชัย จ.สมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.72 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กำลังการผลิตติดตั้ง 0.52 เมกะวัตต์ อีกด้วย

Advertisement

นายธนวัฒน์กล่าวว่า ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้ากว่า 99% โดยเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเครื่องที่ 1 เริ่มจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทางโครงการเริ่มเดินเครื่องแล้วรวม 6 เครื่อง จากทั้งหมด 7 เครื่อง คาดว่าจะเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าครบทั้งหมดได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ตามแผนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 นี้

นายธนวัฒน์กล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับเงินจองซื้อหุ้นสามัญจากการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ CKP-W1 จำนวน 3,565 ล้านบาท ส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Net Interest-bearing Debt to Equity Ratio) อยู่ที่ 0.62 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image