นางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวในงานสัมมนา “มหากาพย์สงครามการค้า เมื่อพญาอินทร์ไล่ขยี้พญามังกร “จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ว่า ปัญหาสงครามการค้ามีโอกาสที่จะการขยายตัวอย่างต่อเนื่องกลายเป็นมหากาพย์ แม้ว่าการเลือกตั้งของสหรัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานาธิบดีคนใหม่หรือไม่ก็ตาม เพราะสหรัฐยังมีความเกรงกลัวต่อจีนที่จะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจแทนสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่จะขยายเส้นทางไปยังยุโรป เพื่อสร้างพันธมิตรและขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ และนโยบายเมดอินไชน่า2025 จีนมีเป้าหมายเป็นประเทศผู้ส่งออกด้านเทคโนโลยี อีกทั้งการขยายอิทธิพลไปยังประเทศต่างๆแทนสหรัฐ ที่เคยเป็นประเทศมหาอำนาจมาก่อน ดังนั้นแม้ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลสหรัฐ เชื่อว่ามีความกังวลการขยายอิทธิพลของจีน อาจทำให้สหรัฐออกมาตรการต่างๆขึ้นมาได้ในอนาคต
นางสาวกิริฎา กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการค้า 5 ข้อ คือ 1.กระทบการค้าและการท่องเที่ยว โดย6 เดือนแรกการส่งออกไทยติดลบเกือบ 3 % ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนลดลงแต่ยังโชคดีที่รายได้จากการท่องเที่ยวยังเป็นบวกเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวอินเดียเพิ่ม 2.ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยเกิดอาการโอเวอร์ซัพพลายและกำลังซื้อลดลง 3.ภาคการลงทุน มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนและสหรัฐมายังอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนาม 4.ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันราคาลดลง และผลิตลดลง และ5.อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งค่าเงินบาทไทยแข็งค่ามาก ตั้งแต่ปลายปีต่อเนื่องมาถึงปีนี้ คาดว่าเงินบาทครึ่งปีหลังจะอ่อนค่าลงอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์
นายโจ ฮอร์น พัธโนทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทยุทธศาสตร์ 613 จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การลงทุนระหว่างประเทศ (ไทย-จีน) กล่าวว่า ประเด็นสงครามทางการค้าขณะนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสหรัฐกำลังเข้าสู่การเลือกตั้งโดยมองว่าแม้การเลือกตั้ง แม้ว่าจะได้พรรคใดขึ้นมาเป็นรัฐบาลสหรัฐ สหรัฐยังคงต้องติดตามสถานการณ์จีนอย่างใกล้ชิด แต่ปัญหาจะเหมือนสงครามการค้าที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหรือไม่นั้น เชื่อว่าอาจมีการเปลี่ยนหรือปรับรูปแบบจากเดิมไปบ้าง แต่จะออกมาตรการใดต้องรอติดตามพรรครัฐบาลที่เกิดขึ้นในเวลานั้น และสถานการณ์สงครามการค้าทิศทางใด
