ครม.ศก.ผุด 7 แนวทางรับมือเศรษฐกิจโลก หวั่นกระทบจีดีพีไทยส่อเค้าปีนี้หลุด 3%

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในการประชุมครม.เศรษฐกิจวันที่ 16 สิงหาคม ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะขาลง  ประกอบกับ ความผันผวนในตลาดเงิน และตลาดทุน หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้น และระยะยาว ติดลบ เป็นครั้งแรกในรอบ กว่า 10 ปี สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกจะถดถอย อาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้เพียง 3% จากปีที่ผ่านมาโตได้ 4.1% ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในกรอบ 2.7-3.2% ดังนั้นหากไม่ทำอะไรเลยมีความเสี่ยงเศรษฐกิจลงไปสู่จะต่ำสุด ซึ่งสศช.รายงานว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2562 มีโอกาสขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 2.8% โดยสศช.จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการวันที่ 19 สิงหาคมนี้

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนบริหารมาตรการเศรษฐกิจ โดยครม.เศรษฐกิจนัดประชุมทุก 1-2 สัปดาห์วันจันทร์ ยกเว้นนายกฯ ติดประชุมเลื่อนเป็นวันอื่น โดยการประชุมครั้งหน้า อาจเป็นวันที่ 30 สิงหาคม หรือ 2 กันยายน จะมีมาตรการดึงดูดการลงทุนของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) และมาตรการส่งเสริมการส่งออก เสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจเห็นชอบแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในปี 2562-2563 จะประกอบด้วย 7 ด้าน คือ 1.การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก 2.การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ ด้วยการเพิ่มสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก 3.การยกระดับราคาสินค้าเกษตรและรายได้สุทธิของเกษตร 4.การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและเม็ดเงินภาครัฐ โดยในปี 2562 มีงบประมาณประจำปีรวม 90.7% เป็นงบประจำ 99% และงบลงทุน 60% ส่วนในปี 2563 งบประมาณภาพรวม 92.3% งบประจำ 98% และงบลงทุน 70%

นายกอบศักดิ์ กล่าวต่อว่า  5. การขับเคลื่อนการส่งออก โดยมีเป้าหมายในครึ่งปีหลังปีนี้จะต้องขยายตัวได้ 3% และการส่งออกในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ 6.การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว  ครึ่งหลังของปีต้องมีนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน ทั้งปี 39.8 ล้านคน รายได้รวม 2.04 ล้านล้านบาท และปีหน้า 41.8 ล้านคน รายได้รวม 2.22 ล้านล้านบาท และ 7.การสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน นอกจาก 7 เรื่องที่ประชุมเห็นชอบการปรับโครงสร้างการทำงานครั้งใหญ่ทั้งการทำงานภาครัฐ ภาคการผลิต และภาคเกษตร  เพื่อให้การทำงานสอดคล้องเป็นไปทิศทางเดียวกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image