สส.เพื่อไทยประจวบฯ จี้หน่วยงานรัฐวางแผนใช้ท่าเรือคลองวาฬให้คุ้มค่า หลังกรมเจ้าท่าใช้งบ 430 ล้าน สร้างเสร็จนาน 10 ปีถูกปล่อยทิ้งร้าง ไร้เจ้าภาพบริหาร

วันที่ 18 สิงหาคม นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคเพื่อไทย เขต 2 พร้อมด้วยนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินทางไปตรวจสอบท่าเทียบเรือร่องน้ำคลองวาฬ เขตเทศบาลตำบลคลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า ท่าเรือดังกล่าวเดิมกรมเจ้าท่าใช้งบ 430 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบันกรมธนารักษ์ยังไม่มอบให้องค์กรปกครองท้องถิ่น( อปท.) หรือองค์กรใดเข้าไปบริหารจัดการ ทำให้สภาพทั่วไปทรุดโทรม โดยเฉพาะอาคารท่าเทียบเรือ ระบบบำบัดน้ำเสียไม่สามารถใช้การได้ และบริเวณชายหาดยังมีปัญหาน้ำเน่าเสีย ชายฝั่งถูกกัดเซาะ เรือประมงขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้ในบางฤดูกาล ขณะที่มีชาวประมงในพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ชั่วคราว แต่ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือกับกรมประมงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการตรวจสอบท่าเรือดังกล่าว สร้างเพื่อส่งเสริมกิจการท่าเรือ สนับสนุนส่งเสริมการขนส่งทางน้ำและลดต้นทุนโลจิสติกส์ มีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศุลกากร แต่ไม่พบว่ามีการใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย คณะทำงานจึงสำรวจ เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานพัฒนาให้ชัดเจน โดยศึกษาข้อกฎหมายผลักดันให้ท่าเรือคลองวาฬ เป็นจุดเชื่อมโยงการเดินเรือของนักท่องเที่ยวด้านทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่หัวหิน พัทยา ระยอง และอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ของไทย นอกจากการใช้เพื่อขนถ่ายสัตว์น้ำในธุรกิจประมง

Advertisement

“ในอนาคตจะต้องผลักดันให้มีโครงการแลนด์บริดจ์ หรือสะพานเชื่อมเศรษฐกิจประจวบคีรีขันธ์ – มะริด หรือโครงการเชื่อมโยงการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้า เรือเดินทะเลขนาดใหญ่จากแหลมฉบังหรือจากประเทศซีกตะวันออก มาขึ้นที่ท่าเรือประจวบฯ เชื่อมต่อด้วยระบบรางไปด่านสิงขร ระยะทาง 15 กิโลเมตร และต่อไปท่าเรือมะริด ประเทศเมียนมา ผ่านทะเลอันดามันเดินทางสู่หลายประเทศซีกตะวันตก โดยไม่จำเป็นต้องขุดคลองคอดกระ โครงการเหล่านี้คณะทำงานฯ จะสร้างจากการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารท่าเรือ และร่วมกันวางหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและการจัดการผลประโยชน์ให้กับภาครัฐและท้องถิ่น “นายวิชิต กล่าว และว่า สำหรับท่าเรือดังกล่าวหากจะใช้ประโยชน์เต็มศักยภาพต้องใช้งบปรับปรุงอีกหลายร้อยล้านบาท

นายประยุทธ์ เจียมเจิม ประธานสหกรณ์ชาวประมงบ้านคลองวาฬ กล่าวว่า ท่าเทียบเรือแห่งนี้ปกติควรยื่นออกไปในทะเลอีกราว 100 เมตร แต่ขณะมีการก่อสร้างโครงการนานกว่า 3 ปี ประชาชนในพื้นที่ไม่มีส่วนในการแสดงความคิดเห็น ต่อมามีการปรับแบบการก่อสร้าง โดยหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ดำเนินการ หลังสร้างเสร็จเมื่อปี 2551 กลุ่มชาวประมงคลองวาฬเห็นว่าท่าเรือถูกทิ้งร้าง ประกอบกับชาวประมงเดือดร้อน จึงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์ เพื่อยื่นขอจดทะเบียนบริหารจัดการดูแลท่าเรือ พร้อมขอให้กรมเจ้าท่าจัดสรรงบประมาณเร่งดำเนินการขุดร่องน้ำให้ลึก เพื่อให้เรือประมงสามารถเข้าจอดเทียบท่าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถใช้หลบลมมรสุมได้ แต่ยังมีปัญหาเนื่องจากยังไม่สามารถหาผู้บริหารจัดการท่าเรือได้ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

นายอภิสิทธิ์ คำพิโร ผู้อำนวยการสำงานเจ้าท่าประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือ ถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอเป็นผู้บริหารและประกอบการท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองวาฬ ตามขอบข่ายงานและหน้าที่ เมื่อคัดเลือกผู้บริหารแล้วจึงสามารถดำเนินการและพัฒนาต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image