‘บิ๊กตู่’ ลุยบุรีรัมย์ติดตามแก้ภัยแล้ง อธิบดีกรมชลฯเผยระบายน้ำลำปลายมาศ-ขุดร่องชักน้ำ ดึงน้ำทำประปา

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) นายเกียรติศักดิ์ หนูแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 และนายเทิดพงศ์ ไทยอุดม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์

ทั้งนี้ พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เผชิญกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากปริมาณฝนตกน้อยเป็นเวลานานตั้งแต่ช่วงฤดูแล้งปี 2561 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร และอุปโภคบริโภค เกือบทั้งจังหวัด โดยปัญหาหลักคือการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งหลายหน่วยงานได้ร่วมบูรณาการ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่

ดร.ทองเปลวเปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เฝ้าติดตามและร่วมบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสถานการณ์น้ำภาพรวมของอ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 29 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้เพียง 24 ล้านลูกบาศก์เมตร เบื้องต้นกรมชลประทานได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ด้วยการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำปลายมาศ มาที่สถานีสูบน้ำลำปลายมาศ มาตั้งแต่เดือน ก.ย.61 ปริมาตรน้ำรวม 14 ล้าน ลบ.ม. และสูบน้ำจากสถานีสูบน้ำลำปลายมาศไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ปริมาตรน้ำรวม 10.68 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบุรีรัมย์ รวมทั้งขุดร่องชักน้ำเข้าสู่หัวสูบของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และสูบน้ำบริเวณรอบอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดและอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ได้ปริมาณน้ำประมาณ 426,000 ลูกบาศก์เมตร เข้าจุดสูบน้ำของ กปภ. เพื่อไม่ให้ขาดแคลนน้ำดิบในการผลิตประปาหล่อเลี้ยงชาวเมืองบุรีรัมย์

นอกจากนี้ ยังได้ผันน้ำจากเหมืองหินกลุ่ม A มายังอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำตามจุดต่างๆ รวม 10 เครื่อง ได้แก่ บริเวณบ่อเหมืองหิน 2 เครื่อง คลองสายใหญ่ฝั่งซ้ายอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด กม.9+300 จำนวน 4 เครื่อง กม.6+000 จำนวน 3 เครื่อง และบริเวณปากคลองส่งน้ำสายใหญ่ เพื่อสูบน้ำส่งไปรวมหน้าสถานีสูบน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคอีก 1 เครื่อง ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นๆ อาทิ ติดตั้งท่อระบายน้ำจากบ่อเหมืองหิน ขุดคลองผันน้ำชั่วคราวพร้อมติดตั้งผ้ายางรองพื้น ขุดลอกห้วยตะขาบ ขุดลอกตะกอนคลองสายใหญ่ฝั่งซ้าย เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การขาดแคลนน้ำจากฝนที่ตกน้อยกว่าค่าปกติ อาจส่งผลไปจนถึงฤดูแล้งปี 2562 โครงการชลประทานบุรีรัมย์ ได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยกำหนดมาตรการการใช้น้ำจากเหมืองหิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำรองสุดท้าย ด้วยการอาศัยข้อมูลน้ำที่เหลืออยู่ในอ่างเก็บน้ำมาประเมินสถานการณ์ เพื่อกำหนดมาตรการลดการใช้น้ำของภาคประชาชน รวมทั้งได้ขอความร่วมมือจากการประปาส่วนภูมิภาคลดแรงดันการจ่ายน้ำลง เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ซึ่งขณะนี้อัตราการใช้น้ำลดลงเหลือประมาณ 36,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ประกอบกับปัจจุบันมีฝนตกลงมาในพื้นที่บ้างแล้ว ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯเพิ่มขึ้น สามารถชดเชยการใช้น้ำประจำวันได้ จึงชะลอการสูบน้ำจากบ่อเหมืองหินในช่วงฝนตก เพื่อเป็นการเก็บรักษาแหล่งน้ำสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น โดยจะทำการสูบน้ำจากบ่อหินมาใช้ในกรณีที่น้ำในอ่างฯลดลงเหลือเพียง 800,000 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้น

Advertisement

สำหรับแผนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะยาวนั้น จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำลำปลายมาศซึ่งผ่านการใช้งานมานาน ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน รวมทั้งการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยตลาดและอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ให้สามารถรับน้ำได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมการทหารช่าง โดยจะเริ่มดำเนินการภายในกลางปี 2562 และในปี 2563 ยังมีแผนดำเนินงานขุดลอกอ่างห้วยจระเข้มาก และขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด เพิ่มเติมอีกด้วย รวมไปถึงการดำเนินโครงการผันน้ำลำปะเทีย มายังอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ปริมาณน้ำประมาณ 20,000,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินแนวคลองผันน้ำเรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการออกแบบพร้อมเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปี 2563 อีกทั้งยังมีโครงการขุดลอกเพิ่มความจุบริเวณพื้นที่เหนือฝายบ้านยาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีสูบน้ำลำปลายมาศ สำหรับใช้เป็นแหล่งสำรองน้ำดิบสูบน้ำมาเติมให้กับอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก พร้อมกันนี้ได้ประสานไปยังการประปาส่วนภูมิภาค ให้พิจารณาตั้งสถานีผลิตน้ำบริเวณอำเภอโนนดินแดง เพื่อเสริมความมั่นคงทางด้านการใช้น้ำประปาในพื้นที่อำเภอโนนดินแดง อำเภอประคำ อำเภอนางรอง และอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอีกโครงการคือ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย เพื่อให้สามารถใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองได้อีกแห่งหนึ่งด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image