นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการสัมมนา Together is Power 2019 จัดโดยหอการค้าไทย ว่า ภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวเกิน 3% ตามที่รัฐบาลวางไว้ โดยจะเร่งรัดทั้งการดูแลรายได้เกษตรกรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโครงการประกันรายได้ ซึ่งได้ดำเนินการแล้วในปาล์มน้ำมัน ประกันรายได้ผลปาล์ม 4 บาทต่อกิโลกรัม และข้าวเปลือก เหลืออีก 2 ชนิดที่จะเรียกประชุมในเร็วๆ นี้ คือ มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงให้ดูแลพืชชนิดอื่นด้วยๆ
“ โดยจะสนับสนุนการนำระบบคอนแทรคฟาร์มมิ่งหรือระบบการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ หรือการเพาะปลูกพืช ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้าระหว่างฝ่ายเกษตรกร หรือเจ้าของฟาร์ม มาใช้ เพื่อสร้างสมดุลของการผลิตและการจำหน่ายสินค้าเกษตร แก้ปัญหาผลผลิตล้นและราคาตกต่ำในระยะยาว ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งจัดทำแผนแล้ว ” นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้จะใช้โชห่วยเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจท้องถิ่น จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพัฒนาสมาร์ทโชห่วย หรือการยกระดับร้านค้าย่อนชุมชนให้สามารถแข่งขันได้กับค้าปลีกสมัยใหม่
นายจุรินทร์กล่าวว่า ในด้านส่งออกที่ยังเผชิญกับผลกระทบสงครามการค้า จะกำชับในการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกที่จะประชุมในสัปดาห์หน้า ไม่แค่เจรจาและทำข้อมูลเพื่อรายงานกระทรวงเท่านั้น ต้องเป็นมืออาชีพโดยเฉพาะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ภาคเอกชนและผู้ส่งออกสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งการส่งออกภาคเอกชนต้องเป็นพระเอก โดยรัฐและกระทรวงพาณิชย์จะเป็นพระรองในการสนับสนุนและลดอุปสรรค อีก 2 เรื่องที่จะช่วยผลักดันผ่านการเร่งเปิดเสรีการค้า ซึ่งเร็วๆ นี้จะขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรอบการเปิดเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู และไทย-ยูเครน อีกเรื่องคือดึงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการเพิ่มการค้าชายแดน
