‘เสียวหมี่’ รายได้-กำไรครึ่งปีแรกพุ่งไม่หวั่นเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว เผยมัลติแบรนด์สมาร์ทโฟน-อุปกรณ์ IoT หนุนโตดี

นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ เปิดเผยว่า เสียวหมี่ มีรายได้รวมครึ่งปี 2562 อยู่ที่ 95,710 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.2 % เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรรวม 12,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.3 % เมื่อเทียบปีต่อปี และมีกำไรสุทธิ 5,150 ล้านหยวน สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 51,951 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.8 % เมื่อเทียบปีต่อปีกำไรรวม 7,260 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 28.4 % เมื่อเทียบปีต่อปี และมีกำไรสุทธิ 1,960 ล้านหยวน จากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเสียวหมี่ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจโลกก็ตาม  ซึ่งผลการดำเนินงานดังกล่าว เป็นผลสำเร็จมาจากการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงของเสียวหมี่ ซึ่งบริษัทสัญญาว่าจะเดินหน้าผลักดันงานวิจัยและการลงทุนในการตอบสนองต่อตลาดที่เติบโตของ 5G และ AIoT เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่บริษัทตั้งไว้

นายเหลย กล่าวว่า กลยุทธุรกิจของบริษัท ในส่วนของสมาร์ทโฟนเน้นกลยุทธ์มัลติแบรนด์ช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไร โดยครึ่งปีแรกได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Mi 9 สมาร์ทโฟนตระกูลRedmi Note 7 และได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงอีกหนึ่งรุ่นในไตรมาสสอง ได้แก่สมาร์ทโฟนตระกูล K20 ซึ่งเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งถือเป็นอีกกลยุทธ์ความสำเร็จของเสียวหมี่ในการออกแบบกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนให้มีความหลากหลาย ทั้งนี้จะพัฒนาและขยายช่องทางการขายปลีกเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่หลากหลายตั้งแต่ตลาดกลาง ไปจนถึงตลาดบน ล่าสุด ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ล่าสุดตระกูล CC  ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานผู้หญิง และถือเป็นการวางรากฐานเพื่อการต่อยอดตลาดในอนาคต นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีกล้องความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล ซึ่งอยู่ในสมาร์ทโฟนกลุ่ม Redmi เป็นกลุ่มแรก และยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์กล้องความละเอียดสูงถึง 100 ล้านพิกเซล มาใช้ก่อนใครเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และยังได้เปิดตัว Mi MIX 3 5G สมาร์ทโฟน 5G ในหลายประเทศที่ยุโรป ส่วนสมาร์ทโฟน 5G รุ่นที่สอง จะเปิดตัวในประเทศจีนในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อพัฒนานำระบบ 5G มาใช้ประโยชน์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

นายเหลย กล่าวว่า ด้านธุรกิจ AIoT เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องโดยเฉพาะในหมวดเครื่องใช้ขนาดใหญ่ภายในครัวเรือน เช่นสมาร์ททีวี เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบ IoT ของเสียวหมี่  นอกเหนือจากสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป มีจำนวนถึง 196 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 69.5% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผู้บริโภคราว ๆ 3 ล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IoT จำนวนมากกว่า 5 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 78.7% เมื่อเทียบปีต่อ รวมทั้งยังมีรายได้จากการบริการอินเตอร์เน็ต อาทิ รายได้จากบริการอินเตอร์เน็ตทีวี บริการอินเตอร์เน็ตต่างประเทศ อีคอมเมิร์ซ Youpin ธุรกิจการเงินอินเตอร์เน็ต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image