‘สุริยะ’ จี้ สมอ.เบิกจ่ายงบศูนย์ทดสอบรถยนต์ดึงลงทุน ดันเอสเอ็มอีใช้ มอก.เอส ยกระดับน่าเชื่อถือ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ว่าได้เร่งรัด สมอ.เบิกจ่ายงบประมาณการก่อสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล ให้ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผน เพราะจะช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และยังเป็นการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้มาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบศูนย์ฯอีกด้วย
“กระทรวงมีนโยบายดึงการลงทุน โดยเตรียมชักจูงการลงทุน หรือโรดโชว์ประเทศต่างๆ อาทิ เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน ซึ่งสนามทดสอบฯถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วน และล้อยางได้” นายสุริยะกล่าว
นายสุริยะกล่าวว่า นอกจากนี้ ได้เร่งรัดให้ สมอ.ผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และกลุ่มสินค้าชุมชน ยกระดับใช้มาตรฐาน มอก.เอส ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เหมาะกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และกลุ่มสินค้าชุมชน เนื่องจากเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้า ให้เป็นที่ยอมรับทั้งผู้บริโภค และห้างค้าปลีกต่างๆ รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่สูงเท่ากับการขอมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) ทั่วไป และ มอก.บังคับ
รวมทั้งเร่งรัดให้กำหนดมาตรฐานตามกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์พ) ให้สอดคล้องความต้องการและการเจริญเติบโตของภาคอุตสาหกรรม เพื่อใช้เป็นมาตรฐานให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ใช้เป็นมาตรฐานในการผลิต หรือนำเข้าสินค้า เนื่องจากอุตสาหกรรมหลายๆประเภท ยังเป็นสินค้าใหม่ ยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานมาก่อน ซึ่งทาง สมอ.ระบุว่า หากมาตรฐานใดยังไม่มีในประเทศ จะใช้มาตรฐานของสากล มาปรับใช้ให้เข้ากับไทย โดยส่วนหนึ่งจะหารือร่วมกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้การออกมาตรฐานรวดเร็วขึ้น แต่ต้องเป็นที่ยอมรับของสากล
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า นายสุริยะได้มอบหมายให้ สมอ.แลกเปลี่ยนการกำหนดมาตรฐานของต่างประเทศ แล้วนำมาใช้กับไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานของไทยให้เทียบเท่ากับนานาประเทศ รวมทั้งเน้นการตรวจจับสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และตรวจอย่างเข้มงวดไม่ให้สินค้าดังกล่าวไปถึงผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยทั้งต่อในชีวิตและทรัพย์สิน
