สะพานแห่งกาลเวลา : ‘หุ่นสังหาร’ โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

(ภาพ-Computerizer via Pixabay)

‘หุ่นสังหาร’

จักรกลย่อมไม่มีชีวิตจิตใจ เนื่องเพราะมันเป็นเพียง “เครื่องมือ” อย่างหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ประการหนึ่งประการใดที่ต้องการ

มนุษย์พัฒนาจักรกลให้ชาญฉลาดขึ้น เพื่อให้การบรรลุวัตถุประสงค์ที่ว่านั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้น หรือรวดเร็วขึ้น หรือ ทำให้มนุษย์สะดวกสบายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกำกับอีกต่อไป

คำถามก็คือ ถ้าวัตถุประสงค์ของการสร้างเป็นไปเพื่อการ “ฆ่า” การทำให้จักรกลนั้นชาญฉลาดขึ้นมา เท่ากับทำให้เกิดการ “ฆ่าที่สมบูรณ์แบบ” “การฆ่าโดยง่ายดาย” และ “การฆ่าแบบทำลายล้าง” หรือไม่?

Advertisement

คำตอบก็คือ ใช่ เมื่อพิจารณาจากพัฒนาการของ “อาวุธสังหาร” ทั้งหลายที่ผ่านมา ตั้งแต่ปืน ปืนใหญ่ เครื่องบินรบ จรวด ขีปนาวุธ เรื่อยไปจนถึงระเบิดนิวเคลียร์ ที่ผ่านมา

นั่นคือความกังวลสูงสุดของบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และด้านการเรียนรู้ของจักรกล (แมชชีนเลิร์นนิง) ทั้งหลาย รวมทั้งสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

กังวลกันว่าสักวันหนึ่งจะมีใครพัฒนาเอไอไปใช้เพื่อสร้างจักรกลสังหารที่ “สมบูรณ์แบบ” ขึ้นมา ซึ่งเมื่อลงมือฆ่า จะไม่มีอะไรมายับยั้งอีกต่อไป

มีคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลของยูเอ็นที่ประกอบขึ้นจากตัวแทนของรัฐบาลต่างๆ กำลังประชุมเรื่องนี้กันอยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในเวลานี้

ในมุมมองของ “แพกซ์” องค์การพัฒนาเอกชนของเนเธอร์แลนด์ที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ความวิตกกังวลดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย หรือยืนอยู่บนพื้นฐานของอดีตที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว

ทีมวิจัยของแพกซ์ นำโดย แฟรงค์ สไลจ์เพอร์ เพิ่งสำรวจเพื่อจัดอันดับของ 50 บริษัทขนาดใหญ่ทางด้านเอไอและหุ่นอัจฉริยะเพื่อจัดอันดับความเสี่ยงต่อการบริษัทเหล่านั้นจะก่อให้เกิด “จักรกลสังหาร” ที่ฆ่าคนเป็นเบือขึ้นมาได้ในอนาคต

ผลสำรวจแสดงว่า มีถึง 22 บริษัทที่จัดอยู่ในกลุ่ม “น่ากังวลสูง” บวกกับอีก 21 บริษัทที่ “น่ากังวลปานกลาง” มีเพียง 7 บริษัทเท่านั้นที่ “มีแนวปฏิบัติที่ดี” ในเรื่องนี้

สจวร์ต รัสเซลล์ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ เห็นพ้องด้วยกับเรื่องนี้

ศาสตราจารย์รัสเซลล์บอกว่า อาวุธอัจฉริยะ (Autonomous weapons) ทุกชนิดสามารถขยายขนาด ขยายขอบเขตให้เป็น “อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง” (ดับเบิลยูเอ็มดี) ได้หมด

นั่นหมายถึงว่า ต่อไปคนเพียงคนเดียวกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ก็สามารถสั่งการอาวุธเอไอเช่นนี้ได้นับล้าน หรืออาจเป็นหลายร้อยล้านชิ้นได้ทันที

ผลลัพธ์ของการสั่งการดังกล่าวไม่ต้องพูดถึงกัน มากมายมหาศาลแน่นอน

รัสเซลล์ย้ำว่า ตอนนี้สารพัดเครื่องมือเข่นฆ่าทั้งหลายที่มนุษย์เคยผลิตออกมาทำลายซึ่งกันและกันในอดีตนั้น มีคนกำลังทำให้มันเป็น “เวอร์ชั่นอัจฉริยะ” กันทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นรถถัง, เครื่องบินรบ หรือเรือดำน้ำ

ที่ไม่เคยพบเห็น หรือคิดกันว่าจะเป็นอาวุธทำลายล้างได้ก็มี อย่างเช่น “มินิโดรน” ติดอาวุธ ใครอยากรู้พิษสงมัน ดูตัวอย่างจากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Slaughterbots ได้เลย

รัสเซลล์บอกว่า “มินิโดรน” อย่างนั้นขนขึ้นรถบรรทุก หรือเครื่องบินไปปล่อยเหนือเป้าหมายได้นับเป็นล้านๆ ตัว

รวมอานุภาพทำลายล้างแล้วไม่ได้ด้อยกว่าอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใดทั้งสิ้่น “คุณส่งโดรนไปเป็นล้านตัวสามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนได้ทั้งเผ่าพันธุ์” หลงเหลือแค่อาคารบ้านเรือนไว้เท่านั้น

งานวิจัยของแพกซ์ยกตัวอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ไมโครซอฟท์ และอเมซอนของสหรัฐอเมริกามาเป็นตัวอย่างของบริษัทที่ก่อให้เกิด “ความกังวลสูง” ได้อย่างไร

ตอนนี้ทั้ง 2 บริษัทเข้าประมูลงานจัดทำโครงสร้าง “คลาวด์” ให้กับกระทรวงกลาโหมมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า “จอยท์ เอนเทอร์ไพรส์ ดีเฟนส์ อินฟราสตรัคเจอร์” หรือที่รู้จักกันมากกว่าในชื่อ “โปรเจ็กต์ เจได”

ไม่เพียงเท่านั้น ไมโครซอฟท์ยังรับพัฒนา “โฮโลเลนส์” กล้องมองภาพแบบความจริงเสมือน ที่จะช่วย “เพิ่มศักยภาพในการสังหาร” ให้กับเพนตากอนอีกด้วย

ตรงกันข้ามกับกูเกิล ซึ่งเป็นหนึ่งใน7 บริษัทที่แพกซ์ยกให้ว่าเป็นบริษัทด้านเอไอที่ “มีแนวปฏิบัติดีที่สุด” ซึ่งปฏิเสธที่จะพัฒนาเอไอให้กับโครงการมาเวน ซึ่งต้องการใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงมาช่วยจำแนก “คน” กับ “วัตถุ” ออกจากกันเพื่อหวังเพิ่มประสิทธิภาพการทำลายชีวิตของโดรนมาแล้ว

รัสเซลล์เตือนเอาไว้ว่า หนทางเดียวที่จะยับยั้งไม่ให้เกิดหุ่นยนต์สังหาร หรือจักรกลเพื่อการเข่นฆ่าขึ้นมาในอนาคต ก็คือต้องบังคับใช้ข้อห้ามประการหนึ่งให้ทั่วถึงให้ได้

ข้อห้ามดังกล่าวคือ “เครื่องจักรกลใดๆ ที่สามารถตัดสินใจสังหารมนุษย์ได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรมีการพัฒนา, ส่งเข้าประจำการ หรือใช้งานใดๆ ทั้งสิ้น” นั่นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image