สกู๊ป น.1 : เปิดไทม์ไลน์ คดีฟุตบอล ศาลสั่งจ่าย 50 ล.

ในยุคของ ”บิ๊กอ๊อด”Ž พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจการบริหารงานภายในสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คน”เก่าบังยี”Ž วรวีร์ มะกูดี มาเป็นขั้วอำนาจใหม่ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กอ๊อด” บริษัทสื่อกีฬายักษ์ใหญ่เมืองไทยอย่างสยามสปอร์ต ต้องเผชิญปัญหากลายเป็นคู่ขัดแย้งกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพราะถูกมองว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มขั้วอำนาจเก่าของ บังยีŽ

ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งและเข้ามากุมอำนาจบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้รื้อโครงสร้าง รื้อสัญญาต่างๆ ที่กลุ่มของ ”บังยีŽ” ทำไว้กับคู่สัญญาต่างๆ มากมาย

รวมไปถึงการออกคำสั่งยกเลิกการจ้าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) รับหน้าที่ดำเนินการร่วมกับ ทรู วิชั่นส์ ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ”ไทยลีก”Ž พร้อมกับดำเนินการใหม่ภายใต้การดูแลของ “แพลนบี”Ž ที่เข้ามารับผิดชอบบริหารจัดการสิทธิประโยชน์สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในยุคใหม่

Advertisement

แน่นอนว่า ในการยกเลิกสัญญาดังกล่าวย่อมทำให้บริษัท สยามสปอร์ต ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายเมื่อถูกบอกเลิกสัญญาจากทีมงานชุดใหม่ ทั้งที่เป็นคู่สัญญากับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

คดีความเรื่องฟุตบอลระหว่าง “บังยี”Ž กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดใหม่ มีผู้ที่ติดร่างแหเข้าไปเป็นทั้ง “ผู้ฟ้องร้อง” และ “ผู้ถูกฟ้องŽ” มากมายหลายต่อหลายคน นับรวมๆ แล้วมีด้วยกัน 4 คดี

Advertisement

คดีแรก บริษัท สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคม และสภากรรมการ ยุค บิ๊กอ๊อดŽ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หมายเลขคดีดำ ทป.79/2560 ในข้อหาผิดสัญญาเรื่องสิทธิประโยชน์ เรียกค่าเสียหาย 1,400 ล้านบาท

คดีที่ 2 สมาคมยุค บิ๊กอ๊อดŽ ฟ้อง บริษัท สยามสปอร์ต ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หมายเลขคดีดำ ทป.179/2561 เพื่อติดตามเอาเงินค่าสิทธิประโยชน์คืนสมาคม เรียกเงินค่าสิทธิประโยชน์คืน 1,100 ล้านบาท มีกำหนดนัดพร้อมเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาท และแนวทางนำสืบพยานแต่ละปาก วันที่ 29 สิงหาคม 2562

คดีที่ 3 สมาคมยุค บิ๊กอ๊อดŽ ฟ้องนายวรวีร์ มะกูดี ที่ศาลจังหวัดมีนบุรี หมาย เลขคดีดำ พ.1978/2561 ในคดีขอเปิดทางเข้าศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก (ทางจำเป็น, ภาระจำยอม) ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 2 กันยายน 2562

คดีที่ 4 สมาคมยุค บิ๊กอ๊อดŽ ฟ้อง นายวรวีร์ มะกูดี และบริษัท สยามสปอร์ต ที่ศาลแขวงปทุมวัน หมายเลขคดีดำอ.4/2562 ร่วมกันยักยอก ซึ่งศาลแขวงปทุมวันรับไต่สวนมูลฟ้อง ตอบถามค้านผู้รับมอบอำนาจ วันที่ 16 กันยายน 2562

ในคดีที่ 1 บริษัท สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคม และสภากรรมการ ยุค ”บิ๊กอ๊อด”Ž ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง หมายเลขคดีดำ ทป.79/2560 ด้วยข้อหาหรือฐานความผิด ฐานผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหาย จำนวน 1,400 ล้านบาท

คดีดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ นายกสมาคม ชี้แจงว่า สืบเนื่องจาก คณะผู้บริหารสมาคม เห็นว่า สัญญากับบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เป็นสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสมาคม เพราะตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นกำหนดระยะเวลา 5 ปี สัญญานั้นได้กำหนดค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ให้กับสมาคม ร้อยละ 5 จากรายได้สิทธิประโยชน์ทั้งหมด แต่ทางบริษัท สยามสปอร์ต มิได้จ่ายเงินค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาคม คือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์แล้ว จำนวน 240 ล้านบาท แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้สมาคม ทำให้สมาคม ขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างมาก และสภากรรมการสมาคม พิจารณาแล้ว จึงมีมติ
บอกเลิกสัญญากับ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 7 มีนาคม 2559

อีกกรณีคือ เมื่อบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท ฟ้องต่อศาลนั้น กลับนำสัญญาแต่งตั้งผู้บริหารสิทธิประโยชน์ ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งมีอัตราค่าตอบแทนร้อยละ 50 มาฟ้องสมาคม และเรียกค่าเสียหาย 1,400 ล้านบาท จะเห็นว่าสัญญามีสองสัญญา สัญญาหนึ่ง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จะต้องจ่าย 5 เปอร์เซ็นต์ แต่อีกสัญญาจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ตั้งแต่ปี 2556 ไม่มีหลักฐานทางบัญชีปรากฏ หรือไม่มีหลักฐานใดๆ ปรากฏว่า บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท ได้มอบเงินค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามสัญญาให้กับสมาคม จึงเป็นเหตุที่สมาคมบอกเลิกสัญญาดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคำพิพากษาในคดี ทป.79/2560 ที่ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคต จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ ได้ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และพวกเป็นจำเลย ที่ผิดสัญญาละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ทางสยามสปอร์ต ได้รับการ
แต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลฯ ในสมัยนายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคมให้เป็นผู้บริหารสิทธิการถ่ายทอดสดฟุตบอลภายใต้การจัดของสมาคมฟุตบอลฯ ตั้งแต่ปี 2556-2560 และปี 2561-2565

แต่ต่อมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลภายใต้การบริหารของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้บอกเลิกสัญญาการบริหารลิขสิทธิ์ถ่ายทอดที่ทางสยามสปอร์ตทำไว้กับสมาคมฟุตบอลฯ โดยที่สัญญายังไม่สิ้นสุด และทางสยามสปอร์ตเองก็ไม่ได้กระทำการใดๆ อันเป็นที่ผิดสัญญาแก่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯเลย จึงได้ฟ้องร้องสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ภายใต้การบริหารของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และพวก รวมทั้งบริษัท ซีนีเพล็กซ์ จำกัด เป็นจำเลย ที่บอกเลิกสัญญาโดยมิชอบ และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่สยามสปอร์ตในฐานะโจทก์ เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท

คำพิพากษาของศาล ได้ระบุว่า จำเลยคือ สมาคมฟุตบอลฯ ไม่สามารถบอกเลิกสัญญาโจทก์คือ สยามสปอร์ต โดยชอบด้วยกฎหมายได้ จึงพิพากษาให้จำเลยต้องจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้กับโจทก์เป็นเงิน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง โดยฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560 จนถึงวันที่จำเลยที่หนึ่งจะชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน

คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด คาดว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์กันต่อไป

คดีที่เกี่ยวพันกันที่ทางบริษัท ซีนีเพล็กซ์ จำกัด (บริษัทในเครือทรู วิชั่นส์) ได้ฟ้องเรียกเงินค่าลิขสิทธ์ถ่ายทอดสดจำนวนเงิน 240 ล้านบาท ที่ทางบริษัทได้จ่ายเงิน 240 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินการถ่ายทอดสดงวดแรกแก่ทางสยามสปอร์ต และไม่ได้มีการดำเนินการถ่ายทอดสด เพราะทางสยามสปอร์ตถูกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ บอกเลิกสัญญานั้น ศาลได้มีคำพิพากษาให้ทางสยามสปอร์ตชำระเงิน 240 ล้านบาทคืนให้แก่บริษัท ซีนีเพล็กซ์ จำกัด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนกว่าโจทก์จะชำระครบถ้วน

จากคำพิพากษาดังกล่าว แน่นอนว่าในแนวทางคำสั่งของศาลนั้น ทั้งบริษัท สยามสปอร์ต และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องปฏิบัติตาม ฝั่งสยามสปอร์ตเองมองว่า ต้องการเรียกร้องเงิน 1,400 ล้านบาท แต่ได้แค่ 50 ล้านบาท ย่อมต้องดำเนินการอุทธรณ์ต่อไป

ฝั่งสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในฐานะจำเลยเองก็เช่นกันย่อมต้องใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง เพราะไม่ต้องการจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับบริษัท สยามสปอร์ต

คงต้องสู้กันอีกยาวแน่นอน

นี่ยังไม่นับรวมอีก 3 คดีพิพาทที่เหลืออีกสู้กันอีนุงตุงนัง เพราะทั้งหลายทั้งปวงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ในวงการฟุตบอลอาชีพเมืองไทย

เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูงและสูงขึ้นเรื่อยๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image