เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า มีการประชุมร่วมกับทีมสืบสวนและทีมสอบสวนทั้งในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลา ที่ สภ.นาทวี ใช้เวลาประชุมร่วมกันนานกว่า 2 ชั่วโมง ถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายกว่า 10 คน ก่อเหตุปล้นห้างทองสุธาดา เขตเทศบาลตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อบ่ายวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นที่ประชุมให้น้ำหนักของการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สูงถึง 80% ส่วนอีก 20% ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์อีกประมาณ 2 วัน ถึงจะฟันธงได้
พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าวว่า โดยพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายมีลักษณะเหมือนคดีปล้นเต็นท์รถวังโต้ อำเภอนาทวี คือมีการปล้นรถมาก่อนและใช้รถที่ปล้นมาเป็นยานพาหนะในการก่อเหตุปล้นร้านทอง ใช้คนที่มองเห็นตามภาพวงจรปิดและจากคำให้การของพยาน อย่างน้อย 17-20 คน แบ่งหน้าที่กันทำ คือส่วนหนึ่งปล้นรถ ส่วนหนึ่งเฝ้าคนขับรถเอาไว้ที่จุดๆ หนึ่ง และอีกกลุ่มเอารถมาส่งมอบให้กับคนร้ายเพื่อนำไปปล้นร้านทอง โดยคนร้ายเข้าไปปล้นร้านทองมีรวม 12 คน แบ่งหน้าที่คือบางคนแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อลวงให้เจ้าของร้านเปิดสวิตช์ประตูให้คนนอกร้านสามารถเข้าไปได้ โดยกลุ่มคนร้ายจะตามคนร้ายที่แต่งตัวเป็นหญิงเข้าไปในร้าน
พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าวว่า เมื่อดูจากกล้องวงจรปิด คนร้ายไม่ได้แต่งเป็นทหารเต็มยศ มีบางคนใส่เสื้อชุดลายพรางกางเกงยีนส์ ไม่ได้มีลักษณะการแต่งกายเหมือนทุกครั้งที่ใส่ชุดดำเหมือนทหาร ส่วนจะรู้ว่าเป็นกลุ่มไหนหรือไม่นั้นขอเวลาอีก 2 วัน เพื่อรอผลตรวจโดยที่เกิดเหตุมีหลายที่มาก คือจุดเริ่มต้นขโมยรถที่หนองจิก จังหวัดปัตตานี จุดที่มัดเจ้าของรถ จุดที่ไปรวมตัวรับคนร้ายขึ้นรถ แต่ละที่ต้องดูโดยละเอียดทั้งหมดเน้นให้ดูพยานหลักฐานโดยละเอียดโดยเฉพาะในรถตู้ซึ่งได้คืนมาแล้วส่งตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
สำหรับเส้นทางที่คนร้ายใช้นั้น ขามาเดินทางจากอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ส่วนขากลับนั้นจุดสิ้นสุดในอำเภอนาทวีและแยกย้ายกันหลบหนี ณ จุดทิ้งรถ โดยได้ชิงรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านไป 2 คัน โดยคนร้ายนำรถจักรยานยนต์ที่เชื่อว่าใช้ก่อเหตุในคดีอื่นมาทิ้งไว้ตรงจุดพบรถตู้ 1 คัน ในคดีนี้มีรถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นรถที่คนร้ายนำมาทิ้งไว้ 1 คัน ส่วนอีก 2 คันเป็นรถที่จี้มา ทั้งนี้ได้แจ้งให้เป็นรถเฝ้าระวังพิเศษ เพื่อป้องกันการนำไปใช้ก่อเหตุความไม่สงบ
