พณ.ผลักดันสินค้าถิ่น3จว.ชายแดนใต้ ใช้ประโยชน์เอฟทีเอเจาะอาเซียน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์(พณ.) เปิดเผยว่า กรมเล็งเห็นศักยภาพและความสำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นพื้นที่ติดกับประเทศมาเลเซีย และเป็นประตูสู่ประเทศอาเซียนอื่นๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น จึงได้ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายพาสินค้าและผู้ประกอบการจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สู่ตลาดอาเซียน โดยจะลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส วันที่ 27-28 สิงหาคม 2562 เพื่อพบกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลากุเลาเค็ม ตากใบ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และเยี่ยมกลุ่มเอสเอ็มอี  ผู้ผลิตผ้าบาติกที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น เสื้อ ผ้าพันคอ และผ้าคลุมไหล่  เป็นต้น รวมทั้งจัดสัมมนาหัวข้อเรื่องง่ายๆ ที่ต้องรู้กับการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ และ สินค้า 3 จังหวัดชายแดนใต้ ติดปีกสู่ตลาดการค้าเสรี ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล นราธิวาส ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนใต้ กว่า 100 คน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการหาตลาดให้กับสินค้าท้องถิ่นโดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สามารถกระจายสินค้าในพื้นที่ เช่น สินค้าประมงแปรรูป ทุเรียน กล้วยหิน ผลิตภัณฑ์ยางพารา  และผ้าบาติก เป็นต้น สู่อาเซียน  รวมทั้งให้ข้อมูลเรื่องโอกาสการส่งออกผ่านด่านต่างๆ เช่น ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบในจังหวัดนราธิวาส และด่านเบตงในจังหวัดยะลา  และการยกระดับคุณภาพสินค้า เป็นต้น

“ หลังจากงานครั้งนี้ กรมฯ จะคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาร่วมงานพบปะผู้ซื้อเพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจที่กรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและส่งออกสินค้า โดยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ ที่ได้ทลายกำแพงภาษีในตลาดอาเซียนแล้วด้วย “นางอรมน กล่าว

นางอรมน กล่าวว่า จากการสำรวจสถิติสินค้าศักยภาพชายแดนใต้ ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 พบว่า ทุเรียนสด มีมูลค่าส่งออกไปตลาดโลก 988.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดส่งออกสำคัญคือ อาเซียน มีมูลค่าส่งออก 263.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 26.69 ของมูลค่าส่งออกทุเรียนทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ตามลำดับ  โดยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.84 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยในปี 2561 ไทยส่งออกทุเรียนสด 947.6 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอาเซียนเป็นตลาดส่งออกหลัก นอกจากนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 สินค้าแปรรูป อาทิ ทุเรียนกรอบ และทุเรียนแช่แข็ง มีมูลค่าส่งออก 57.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดหลักคืออาเซียน และจีน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่จะเร่งใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดสินค้าไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image