เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 สิงหาคม ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี พร้อม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนาย ประชาชน เข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยใช้เวลาพูดคุยนาน 30 นาที
นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ เพราะเวลาล่วงเลยมานานแล้วยังไม่มีการสั่งฟ้อง ทราบว่าเรื่องนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งสำนวนกลับที่กองปราบแล้ว วันนี้จึงมาถามความคืบหน้า ส่วนพนักงานสอบสวนจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ แต่ส่วนตัวมองว่า ผู้การสุทธิ เป็นตำรวจระดับสูงแต่กลับเข้าไปเกี่ยวข้องกับสำนวนคดี โดยแก้ไขเปลี่ยนแปลงสำนวน ถ้าพนักงานสอบสวนมีความเห็นไม่ฟ้อง ตนมองว่าเป็นเรื่องแปลกพอสมควร เพราะพยานหลักฐานต่างๆอยู่ในสำนวนหมดแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงความเห็นของพนักงานสอบสวนเท่านั้น ส่วนหมวดจรูญ ตอนนี้ถือว่าได้รับความเป็นธรรมแล้ว แต่ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดี โดยทาง พ.ต.อ.สุวัฒน์ ระบุว่ากำลังเร่งดำเนินการ รวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่คู่กรณีระบุว่าฝ่ายตนลักลอบนำข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์ซึ่งเป็นหลักฐานในสำนวนคดีหลุดรอดไปชั้นศาลนั้น ยืนยันว่า ทางตนได้ข้อมูลมาโดยชอบ และไม่ได้นำข้อมูลนี้มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะกองปราบได้ส่งสำนวนไปยังอัยการแล้วในขณะนั้น ซึ่งหากย้อนกลับไปในช่วงที่คดีนี้กำลังดัง ทางตนได้ตั้งทีมงานนักสืบโซเชียล เป็นประชาชนปกติเข้ามาแสวงหาข้อมูลต่างๆ มาเป็นหลักฐาน ซึ่งตนไม่มีความกังวลกับประเด็นที่ถูกกล่าวหา แต่ทั้งนี้ มองว่าฝ่ายคู่กรณีอาจจะสับสนเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ หากเอกสารหลุดรอดต้องไปตามกับบริษัทเจ้าของเครือข่าย ยืนยันว่าทางตำรวจไม่ได้เป็นคนนำข้อมูลดังกล่าวออกมาเผยแพร่
ด้าน ร.ต.ท.จรูญ กล่าวว่า ตอนนี้ได้ปิดบัญชีธนาคารแล้ว เนื่องจากตัวเลขบัญชีถูกนำออกไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ไม่ได้ปิดบัญชีหนี แต่สำหรับเงินที่ได้มานั้นยังคิดไม่ออกว่าจะนำไปทำอะไร ขอปรึกษากับครอบครัวก่อน เบื้องต้นก็คงจะนำไปทำบุญทำทาน ส่วนกรณีที่นายปรีชา ใคร่ครวญ จะต่อสู้ยื่นอุทธรณ์ก็เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ตนไม่มีความกังวลอะไร ซึ่งตนก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเลย