‘อุตตม’ ย้ำมาตรการกระตุ้นศก.ออกมาตรงจุด ยันศก.ไทยยังโตแม้ไตรมาส 2 ชะลอตัว(ชมคลิป)

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงาน “Thailand Focus 2019: Embracing Opportunities – The Next Chapter” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ว่า ประเทศไทยได้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้งในรัฐบาลก่อนหน้านี้ โดยในปี 2557 ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียง 1% และ ในปี 2561 เศรษฐกิจไทยโตกว่า 4.1% สำหรับปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจไทยยังสามารถเติบโตได้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีไทยในไตรมาสแรก โต 2.8% และไตรมาส 2 โต 2.3% ถึงแม้จะเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่ยังสามารถเติบโตเป็นบวกได้ สวนทางกับที่หลายประเทศในโลก ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรวดเร็วและแรงกว่าประเทศไทย ส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 2 ในบางประเทศไม่เติบโตหรือเผชิญกับการหดตัวลงของเศรษฐกิจ

“ถึงแม้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะพึ่งเข้ามาดำเนินงานได้แค่เดือนกว่า แต่ก็เร่งผลักดันชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา และไม่รอให้ช้าเกินไป เพื่อส่งเสริมความมั่นใจและความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ โดยปัญหาที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ส่งผลกระทบกับประเทศไทย เชื่อว่าชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมา จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยประคองเศรษฐกิจไทยต่อไปได้ ในส่วนของแผนในอนาคตรัฐบาลยังเร่งสร้างโอกาสใหม่ๆ ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล คน รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนา โดยเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาวได้ ภายใต้การรักษาวินัยทางการคลังตลอดเวลา” นายอุตตมกล่าว

นายอุตตมกล่าวว่า ถึงแม้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเป็นรัฐบาลผสมที่มาพรรคการเมืองกว่า 19 พรรค แต่มีความตั้งใจที่จะเดินหน้าพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้ให้ได้ เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถที่จะพัฒนาประเทศ โดยประเทศไทยมีจุดเด่นในด้านที่ตั้งประเทศ การเป็นเศรษฐกิจแบบเปิดที่เอื้อให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสามารถเข้ามาร่วมลงทุนได้ ซึ่งการร่วมดังกล่าวรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการลงทุนด้วยเม็ดเงินเท่านั้น แต่ต้องการเปิดรับหุ้นส่วนเพื่อให้เกิดการถ่ายโอนนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาด้วย ซึ่งที่ผ่านมามองว่าประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จไปในระดับหนึ่งแล้ว สะท้อนจากการถูกจัดอันดับประเทศที่ง่ายต่อการทำธุรกิจ และการถูกปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้น

Advertisement

“ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับมาตรการแรงจูงใจใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุน เช่น กฎหมายอีคอมเมิร์ซ ที่พยายามผลักดันให้ชัดเจน ทำให้โปร่งใส เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจว่าจะทำอะไรบ้าง หรือการอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนผ่านระบบชำระภาษีอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการผลักดันให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลาง (เอสเอ็มอี) เข้ามาในระบบมากขึ้น ผ่านการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีใช้ระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์”

นายอุตตมกล่าวว่า สำหรับมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” ที่ถูกวิจารณ์ว่าอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ต้องบอกว่ามาตรการทุกอย่างที่ออกมาของรัฐบาลมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในสถานการณ์ที่ความเชื่อมั่น การบริโภค และการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวลงทั่วโลก มาตรการดังกล่าวจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสภาพคล่องหมุนเวียนภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวที่เป็นหัวจักรสำคัญของประเทศไทย ซึ่งมีการจ้างงานที่ค่อนข้างสูง หากปล่อยให้การบริโภคในส่วนดังกล่าวลดลงอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ โดยได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในการเก็บข้อมูลและสื่อสารให้ประชาชนและผู้บริโภคเข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และต้องการให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอย โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังมีข้อมูลติดตามดูแลการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจจริง

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

Advertisement

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image