หอค้าไทย ห่วงปัญหาขยะ-ของเหลือใช้เกลื่อนทะเล เสนอรัฐยกเป็นวาระแห่งชาติ

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy (เศรษฐกิจหมุนเวียน)หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยมองเห็นถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ในเชิงลบ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและปัญหามลภาวะ อันเนื่องมาจากขยะและของเหลือใช้ จากภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการเกษตร โดยขณะนี้ปัญหาขยะทะเล เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยและของโลก ทั้งนี้ ไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศที่ทิ้งขยะลงสู่ทะเลมากที่สุด และขยะที่พบในทะเล ส่วนใหญ่คือขยะพลาสติก ดังนั้น หอการค้าไทยจึงได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ศึกษาที่มาของขยะทะเลและมาตรการจัดการปัญหาขยะทะเล มากว่า 6 เดือนแล้ว นอกจากนี้ ขยะอาหาร เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ เพราะประมาณ 60% ของขยะมูลฝอยทั้งหมดมาจากขยะอาหาร หากจัดการแยกขยะอาหารไม่ถูกต้องก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดการขยะโดยรวม

“หอการค้าไทยกำลังขับเคลื่อนนโยบายCircular Economy โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการขยะพลาสติกและขยะอาหารแบบบูรณาการ ทั้งนี้ หอการค้าไทยจะใช้เครือข่ายที่มีสมาชิกรวมกว่า 120,000 ราย เป็นตัวขับเคลื่อน Circular Economy ของประเทศร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานเอกชนอื่น และเชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้ชี้แจงผลการศึกษาที่มาขยะทะเลว่า จากที่หอการค้าไทยได้ว่าจ้าง ทีดีอาร์ไอให้ศึกษาที่มาขยะทะเล พบว่า แหล่งที่มาของขยะทะเลที่สำคัญในไทย ประกอบด้วย ชุมชนหรือร้านค้าที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำและริมชายฝั่ง การท่องเที่ยวริมชายหาด และขยะจากหลุมฝังกลบที่จัดการไม่ถูกต้อง นอกจากนั้นยังมีแหล่งที่มาอื่นๆ ได้แก่ ขยะจากเรือประมง เรือขนส่งสินค้า รวมถึงขยะที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเภทขยะที่พบมากที่สุดคือ ถุงพลาสติก กล่องโฟม ถุงก๊อปแก๊ป

Advertisement

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ภาคเอกชนได้ทำข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะทะเล ดังนี้ 1. เสนอให้รัฐบาลประกาศเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ เป็นวาระแห่งชาติ 2.รัฐควรออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาขยะ เช่น การเลิกใช้โฟม การเก็บเงินหากใช้ถุงพลาสติก การมัดจำขวด เป็นต้น 3.ภาครัฐและภาคเอกชน ต้องร่วมกันรณรงค์ลดการสร้างขยะ พร้อมส่งเสริมการแยกขยะ

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นของคณะกรรมการและเครือข่าย ร่วมกันกำหนดจุดยืนเพื่อขับเคลื่อน Circular Economy ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและเป็นความยั่งยืนของประเทศ ทั้งนี้ ได้กำหนดแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อน Circular Economy ของหอการค้าไทยไว้ 4 แผน ซึ่งจะขับเคลื่อนผ่านเครือข่าย โดยหวังผลในเชิงปฏิบัติและบูรณาการครอบคลุมทั้งประเทศ ได้แก่ 1. การรณรงค์ให้ความรู้ เปลี่ยน Mindset เน้น 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ
นักเรียนและนักศึกษา เช่น บรรจุในบทเรียน จัดทำ Board Game และนำโมเดลโรงเรียนต้นแบบมาเผยแพร่ อีกกลุ่มคือประชาชนทั่วไป ประกอบด้วย ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว โดยใช้ Social Media, Influencers, YouTubers รวมถึงพระสงฆ์และวัด ให้เข้ามามีส่วนร่วม

นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ข้อเสนอที่ 2. การแยกขยะ เช่น จัดตั้งถังแยกขยะในจุดที่เหมาะสม โดยร่วมมือกับภาครัฐและเครือข่าย 3.การลด Food Waste (ขยะอาหาร) ในภาคการค้าและบริการ เช่น โรงแรม โดยการเผยแพร่ Best Practice ขององค์กรที่มีการบริหารจัดการ Food Waste ที่มีประสิทธิภาพ และ4.การนำ Food Surplus (อาหารเหลือที่สามารถบริโภคได้) บริจาคผู้ขาดแคลน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image