นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงกรณีการควบรวมบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่า เป็นผลจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่แจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ในมติในการแก้ปัญหารัฐวิสาหกิจ โดยจากนี้มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี นำไปพิจารณาถึงแนวทางในการปฏิบัติ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า จึงได้มอบให้ทั้ง 2 องค์กรหารือร่วมกัน ใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.แผนบริหารจัดการบุคลากร ว่า หลังจากการควบรวมกิจการจะมีแนวทางอย่างไร และยืนยันว่า จะไม่มีการปลดพนักงาน หรือลดตำแหน่งใช่หรือไม่ 2.สินทรัพย์และหนี้สิน ที่จะมีข้อสรุปร่วมกันได้หรือไม่ ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด มีคำวินิจฉัยเบื้องต้นว่า การควบรวมกิจการดังกล่าว จะไม่กระทบต่อสินทรัพย์ และหนี้สิน ของทั้ง 2 องค์กร และ 3.สัญญาสัมปทานต่างๆ มีอะไรที่ทำให้การควบรวมกิจการได้รับผลกระทบหรือไม่ ทั้งความทับซ้อน ที่อาจเป็นข้อจำกัดในการควบรวมกิจการ
“ขอให้ 3 เรื่องดังกล่าวมีความชัดเจนก่อน จึงจะนำเข้าที่ประชุม ครม. และหาก ครม. เห็นชอบ จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ อาทิ ฝ่ายกฏหมาย ฝ่ายสินทรัพย์ และฝ่ายสัญญา เพื่อพิจารณาในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแคท ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เพื่อสอบถามแนวทางการควบรวมกิจการ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ขณะที่ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแคท จะเข้าพบในวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ด้านการดำเนินงานไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน ตายตัว เพราะหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ก่อนได้ การรีบนำเข้าที่ประชุม ครม. ก็จะไม่เกิดประโยชน์” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า มิติการดำเนินกิจการด้านโทรคมนาคมในประเทศไทย แตกต่างจากในอดีตอย่างมาก ฉะนั้น จึงมองว่า การควบรวมกิจการของทั้ง 2 องค์กร จะเกิดประโยชน์ด้านการดำเนินธุรกิจในอนาคต แต่ทั้งนี้ องค์กรต้องแสวงหาธุรกิจใหม่มาเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ โดยดูจากจุดแข็งขององค์กรว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง