นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สั่งการให้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ตั้งหน่วยงานเพื่อมาดูแลการให้สวัสดิการผ่านสวัสดิการเป็นการถาวร เพื่อให้งานดังกล่าวมีเจ้าภาพทำงานชัดเจน จากขณะนี้งานกระจายไปทั้งกรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) สำหรับในเรื่องการลงทะเบียนรอบใหม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยนำในเรื่องของบิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยในการลงทะเบียนและพิจารณาการให้สวัสดิการรอบใหม่ เพื่อให้บัตรดังกล่าวไปอยู่ในมือคนที่จนจริงๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
นายอุตตมกล่าวว่า ในการให้ความช่วยเหลือผู้ถือบัตรจะใช้ระบบบิ๊กดาต้าเข้ามาช่วย เช่น การเข้าไปดูว่าคนถือบัตรชอบซื้ออะไร มีหนี้มากน้อยแค่ไหนเป็นหนี้อะไรบ้าง เบื้องต้นพบว่ามีคนถือบัตรสวัสดิการ 14.5 ล้านคนนั้นมีหนี้ค่อนข้างสูง และพบว่าบางกลุ่มเป็นหนี้70-80% ของรายได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ต้องไปช่วยเหลือเป็นพิเศษ ต้องมีมาตรการเข้าไปช่วยเหลืออย่างใกลล้ชิด ต้องไปแนะนำแนวทางการบริหารจัดการหนี้
นายอุตตม กล่าวต่อว่า ส่วนร้านค้ากระทรวงการคลังจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อดูว่าสินค้าอะไรขายดี จะไปเจรจากับผู้ผลิตเพื่อขายสินค้าให้ในราคาพิเศษ ตรงนี้ถือเป็นการช่วยเหลือคนตัวเล็ก ผู้ประกอบการชุมชน ให้มีอำนาจต่อรอง โดยช้บิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล
นายอุตตมกล่าวว่า ในการให้สวัสดิการรอบใหม่บิ๊กดาต้ามีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลคนจน สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน อายุ รายได้ พื้นที่ เป็นต้น ทำให้กระทรวงการคลังมีข้อมูลเหล่านี้มาบริหารจัดสวัสดิการของผู้ถือบัตรคนจนให้ได้ตรงจุดมากขึ้น และตรงนี้จะเข้ามาแก้ปัญหาคนที่ไม่จนจริงแต่ได้บัตรสวัสดิการด้วย
นายอุตตมกล่าวว่า นอกจากนี้จะมีการใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยยกระดับทักษะอาชีพของผู้ถือบัตรคนจน โดยเบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ถือบัตรอายุ 21 – 50ปี มีจำนวนถึง 5 แสนคนที่มีทักษะพร้อมกับการทำงาน ส่วนอีก 1.6 ล้านรายต้องการจะเปลี่ยนงาน และมี 7.4 แสนคนมีการศึกษาระดับ ปวช. ปวส. และปริญญาตรี ดังนั้นกระทรวงการคลังต้องไปส่งเสริม เพื่อให้คนเหล่านี้มีอาชีพให้สามารถพ้นความจนได้
นายอุตตมกล่าวว่า สำหรับการแจกเงินท่องเที่ยว 1 พันบาทในโครงการชิมช้อปใช้นั้น ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ กระทรวงการคลังจะเริ่มทดลองใช้แอพพลิเคชันที่คิดขึ้นมาใหม่ ทำให้กระทรวงทราบข้อมูลในเรื่องการจับจ่าย รวมถึงความต้องการชองประชาชน ตรงนี้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในอนาคต มั่นใจว่าจะมีผู้มารลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ถึงเป้าหมาย 10 ล้านคนอย่างแน่นอน
