นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดี กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจัดตั้งธุรกิจใหม่ เริ่มมีทิศทางการขยายตัวไปยังจังหวัดต่างๆเพิ่มขึ้น จากเดิมกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ชลบุรี นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และในเมืองใหญ่ๆ โดยเพิ่มทั้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่รัฐส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) และเมืองรอง โดยเฉพาะเมืองรองที่เป็นแหล่งท่องเที่ย กรมได้ทำการสำรวจการจัดตั้งธุรกิจในพื้นที่จังหวัดเมืองรอง 55 จังหวัด พบว่า เดือนกรกฎาคม 2562 การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเมืองรอง สูงขึ้น 16 % เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน รองลงมาเป็นปริมณฑลโต 12% ขณะที่เขตอีอีซีการจัดตั้งธุรกิจต่ำสดและลดลง 2%
” แต่เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าทุนการจัดตั้งธุรกิจในแต่ละพื้นที่ พบว่า พื้นที่อีอีซี มีการเติบโตของมูลค่าทุนการจัดตั้งธุรกิจสูงสุดถึง 153% รองลงมาคือ เมืองรอง เพิ่มขึ้น 111% และปริมณฑล ลดลง12% ” นางโสรดา
นางโสรดา กล่าวว่า สำหรับจังหวัดในพื้นที่เมืองรอง พบว่า จังหวัดที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 83 ราย โดยธุรกิจที่จัดตั้งสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป ภัตตาคาร/ร้านอาหาร และการขายปลีกในร้านค้าทั่วไป ตามด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช 65 ราย โดยธุรกิจจดตั้งสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป ร้านขายปลีกผักและผลไม้ และร้านขายส่งวัตถุดิบทางการเกษตร และจังหวัดราชบุรี 63 ราย ธุรกิจที่จดตั้งสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป ร้านขายส่งผักและผลไม้ และอสังหาริมทรัพย์
“การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเมืองรองที่เป็นเมืองท่องเที่ยว พบว่า ขยายตัวสูง ผลจากนโยบายและมาตราการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเมืองรองของรัฐบาล ที่มีเม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจใหม่ ซึ่งธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการต่างทั้งโรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง จากข้อมูลล่าสุดพบว่า มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ในจังหวัดเมืองรอง 119,763 ราย คิดเป็นสัดส่วน 16% ของนิติบุคคลทั่วประเทศ และจากการจัดตั้งธุรกิจในจังหวัดเมืองรองที่มีสัดส่วนต่อการจัดตั้งนิติบุคคลทั่วประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น น่าจะส่งผลให้ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ของเมืองรองมีสัดส่วนสูงขึ้นในอนาคต” นางโสรดา
นางโสรดา กล่าวว่า การจัดธุรกิจใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2562 สามารถแบ่งออกตามพื้นที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ได้เป็น กรุงเทพฯ คิดเป็น 32% ปริมณฑล (3 จังหวัด) คิดเป็น17% เขตพัฒนาพิเศษอีอีซี (3 จังหวัด) คิดเป็น 9% เมืองรอง (55 จังหวัด) คิดเป็น 20% และเมืองอื่นๆ (15 จังหวัด) คิดเป็น 22%
ทั้งนี้ 55 จังหวัดเมืองรอง ประกอบด้วย พิษณุโลก เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ลำปาง เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ พะเยา อุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร ลำพูน ชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สิงห์บุรี บุรีรัมย์ ชัยภูมิ อุบลราชธานี อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร กาฬสินธุ์ สุรินทร์ นครพนม ยโสธร อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู เลย ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ศรีสะเกษ มุกดาหาร นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด สระแก้ว สตูล พัทลุง ระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง ปัตตานี นราธิวาส และ ยะลา
