นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(เงินเฟ้อทั่วไป)เดือนสิงหาคม 2562 เท่ากับ 102.27 สูงขึ้น 0.52% เทียบเดือนสิงหาคมปีก่อน ผลจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 2.63% โดยการสูงขึ้นของผัก-ผลไม้ 7.23% อาทิ มะม่วง มะนาว พริกสด ข้าวสารเหนียวและข้าวสารเจ้า เป็นต้น ขณะที่หมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มลดลง 0.67% ตามการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 8.15% ส่งผลให้การขนส่งและการสื่อสารลดลง 2.22% เป็นต้น โดยรายการคำนวณเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม พบว่า มีรายการสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 221 รายการ ไม่เปลี่ยนแปลง 89 รายการ และลดลง 112 รายการ ทำให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือนปี2562 สูงขึ้น 0.87%
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อที่เหลือของปีนี้ อาจขยับได้น้อยและสูงขึ้นไม่มาก ปัจจัยหลักจากการลดลงต่อเนื่องของราคาพลังงาน ซึ่งเป็นสัดส่วน10%ในการคำนวณ ประกอบกับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม(ซีซีไอ)เดือนสิงหาคม ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 หรือค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 47.2 เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41 และ 51.3 โดยประชาชนระบุว่ามีความกังวลมากสุดในเรื่องปัญหาค่าครองชีพ รองลงมาคือภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และปัญหาการเมือง
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า กระทรวงจึงประเมินเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ระดับต่ำที่ 0.8-0.9% ถือเป็นเงินเฟ้อต่ำอีกครั้งในรอบ 2 ปี ปัจจัยหลักคือราคาน้ำมันต่ำกว่าปีก่อนมาก ปีนี้น่าจะเฉลี่ยที่ 60-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จีดีพีขยายตัว 3.3-3.8% ค่าเงินบาทเฉลี่ย 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ
“ หากเทียบกับเงินเฟ้อในอาเซียนด้วยกัน ถือว่าเงินเฟ้อไทยค่อนข้างต่ำ ประเทศอื่นสูง 2-3% แต่ไทยต่ำกว่า 1% การที่เงินเฟ้อต่ำเกินไป สะท้อนว่าประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอบ ไม่ซื้อของ ถือว่าอุปสงค์ในประเทศชะลอตัว อาจมีผลต่อเศรษฐกิจทรงตัว ดังนั้น การที่รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการเพิ่มเงินในระบบ ก็จะดีต่อระบบเศรษฐกิจ ตอนนี้ยังยืนยันแม้เงินเฟ้อขยายตัวต่ำแต่ไม่ถึงกับเข้าภาวะเงินฝืดอย่างที่เริ่มกังวลแล้ว “ นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว
