ก.ล.ต.ยัน บิตคอยน์ ยังคืนใบอนุญาตไม่ได้จนกว่าจะเคลียร์ทรัพย์สินให้ลูกค้าเสร็จ

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าถึงกรณีบริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX) ยุติการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการให้บริการด้านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Asset Wallet) ว่า เบื้องต้นจากการติดตามพบว่าลูกค้ายังคงสามารถทำคำสั่งถอนสินทรัพย์และโอนสินทรัพย์ผ่านเว็บไซต์ BX.in.th ของบริษัทฯได้ตามปกติ ถึงแม้จะมีติดปัญหาบ้างในส่วนของการที่ลูกค้าโทรติดต่อบริษัทฯได้ค่อนข้างบาก ซึ่งส่วนนี้ก.ล.ต.ได้ทำการประสานไปยังบริษัทฯดังกล่าว ในการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพื่อให้เพียงพอในการรองรับการให้บริการลูกค้าของบริษัทฯเอง โดยภายหลังจากวันที่ 30 กันยายนนี้ ลูกค้าจะไม่สามารถทำการซื้อขาย (เทรดดิ้ง) ผ่านเว็บไซต์ได้ โดยหากลูกค้าต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก.ล.ต.ได้จัดตั้งศูนย์แนะนำช่วยเหลือผู้ลงทุนเฉพาะกิจไว้แล้ว ซึ่งหากรวมเฉพาะนักลงทุนที่ติอต่อเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับการประกาศเตรียมปิดให้บริการของบริษัท บิทคอยน์ฯ รวมตั้งแต่เมื่อวาน (2 กันยายน) จนถึงปัจจุบันมีประมาณ 235 ราย โดยส่วนใหญ่สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการโอนเหรียญ การโอนเงิน การถอนเงิน และการเปลี่ยนศูนย์ในการซื้อขายฯ

“ในส่วนของก.ล.ต.ได้ติดตามกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำชับให้บริษัท บิทคอยน์ฯ ทำการคืนทรัพย์สินให้ลูกค้าจนครบถ้วน ก่อนที่จะครบกำหนดการปิดให้บริการ ซึ่งหากพบว่ายังไม่สามารถจัดการคืนทรัพย์สินของลูกค้าที่อยู่กับบริษัทฯให้เรียบร้อยก่อน บริษัทฯจะไม่สามารถคืนใบอนุญาตหรือยกเลิกการบริการได้ โดยหากครบกำหนดแล้วพบว่า บริษัทฯยังคงมีทรัพย์สินของลูกค้าคงค้างอยู่ จะประสานให้วางทรัพย์กับกรมบังคับคดี จนกว่าจะสามารถจัดการกับทรัพย์สินของลูกค้าให้เรียบร้อยก่อน จึงจะสามารถยื่นคำขอเข้าสู่กระบวนการขอเลิกประกอบธุรกิจได้ โดยอยากฝากและเน้นย้ำขอให้ลูกค้าติดต่อกับบริษัทฯให้เร็วที่สุด เพื่อทำการเปิดคำสั่งถอนสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินออกจากบัญชีที่มีอยู่ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ให้เรียบร้อย”นางสาวรื่นวดีกล่าว

นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า ในระหว่างที่บริษัทฯยังไม่ได้มีการคืนใบอนุญาต ก.ล.ต.ก็ยังมีอำนาจในการกำกับดูแลและสั่งการให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ลงทุนอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจซื้อขาย 3 ราย (รวมบริษัทที่จะเลิก ) ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุการในลักษณะดังกล่าวขึ้น สำหรับผลกระทบที่คาดว่าจะมีต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะของบริษัทเท่านั้น รวมถึงบริษัทก็ไม่ได้ปิดการให้บริการในทันที แต่มีการแจ้งลูกค้าล่วงหน้าแล้ว จึงต้องติดตามต่อไปก่อน โดยขอเตือนผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างรอบคอบ เพราะการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง โดยต้องพิจารณาปัจจัยพื้นฐานรองรับด้วย และใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เนื่องจากอาจมีคนใช้โอกาสนี้หลอกลวงจนเกิดความเสียหายได้ติดต่อไปยังเว็บไซต์ของบริษัทฯโดยตรงเท่านั้น หรือลูกค้าสามารถขอคำแนะนำได้ที่ Help Center ของ ก.ล.ต. ตลอด 24 ชั่วโมง

นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้ริเริ่มที่จะใช้แนวทางพัฒนา“โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล”เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุนไทย โดยเปิดตัวโครงการแนวทางการนำ Distributed Ledger Technology (DLT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำการกระจายข้อมูลให้ทุกคนในเครือข่ายเมื่อมีการเกิดหรือเปลี่ยนแปลงธุรกรรมในระบบแบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยลดระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนการทำงานได้มาก เนื่องจากกิจกรรมต่างๆ ในตลาดทุนมีกระบวนการและขั้นตอนการจัดการเอกสารค่อนข้างมาก อาทิ  การออกและเสนอขายหลักทรัพย์ การทำความรู้จักลูกค้า การทำทะเบียนหลักทรัพย์ รวมถึงการซื้อขาย ชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ มาใช้ในการเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ของตลาดทุนไทย เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ ขณะที่ลดกระบวนการทำงานและต้นทุนให้กับองค์กร สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน

Advertisement

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image