เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 กันยายน ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ยื่นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)เพื่อศึกษาและแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในระดับสภาผู้แทนราษฎร การหาคะแนนหรือแนวร่วมไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป แต่ปัญหาต่อไปที่ต้องเจอคือ การรวมเสียงส.ว.ให้ได้จำนวน 1 ใน 3 ของสภา หรือ 84 เสียงขึ้นไป จึงคิดว่าพลังของประชาชนที่อยู่ภายนอกจะสามารถกดดันให้ ส.ว. เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐสภาต้องทำหน้าที่สะท้อนเสียงของประชาชนให้ปรากฏขึ้นจริง ซึ่งส.ว. ต้องรับหน้าที่นี้ด้วย
ส่วนตำแหน่งในกมธ.สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 35 คณะ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้มา 6 คณะนั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านได้ตำแหน่งกมธ. มากกว่าฝ่ายรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าการทำงานของกมธ.อาจจะยากลำบากทุกคณะ มากกว่าสภาชุดที่ผ่านมา เพราะในกมธ. 1 คณะ ประกอบด้วยสมาชิก 15 คน ซึ่งจะถูกคละจากหลายพรรคการเมือง จึงหามติแบบยึดกลุ่มการเมืองยาก แต่ในทางกลับกันอาจจะมีข้อดี เพราะจะกระตุ้นให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคทำงานร่วมกัน จะไม่มีใครชิงดีชิงเด่น
เมื่อถามถึงการรับตำแหน่งประธาน กมธ. ของบางพรรคการเมืองที่สอดรับกับตำแหน่งรัฐมนตรี นายปิยบุตร กล่าวว่า การเมืองในอดีตมักจะดำเนินมาในแนวทางนี้ตลอด ในความเป็นจริงตำแหน่งประธาน กมธ. ควรจะให้พรรคฝ่ายค้านเลือกก่อนฝ่ายรัฐบาล และหากรัฐบาลครองกระทรวงไหน ก็ไม่ควรนั่งตำแหน่งกมธ. ที่มีเนื้อหาในแนวทางเดียวกัน แต่ในข้อบังคับไม่ได้กำหนดข้อห้ามไว้ ดังนั้น การทำงานของกมธ. จึงไม่สามารถทำงานตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ แต่ก็คิดว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถครอบงำการทำงานของกมธ.ได้ ถือเป็นความท้าทายของการทำงานมาก และสำหรับพรรคอนาคตใหม่ กมธ. ที่เราตั้งใจคือ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน
