กพช.ปักหมุดโรงไฟฟ้าชุมชนพื้นที่กันดารกระตุ้นศก.ในพื้นที่-ดึงกฟผ.-กฟภ.ลงทุน

กพช.ปักหมุดโรงไฟฟ้าชุมชนพื้นที่กันดารกระตุ้นศก.ในพื้นที่ ดึงวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง “สนธิรัตน์”ขอ1-2เดือนกำหนดรายละเอียดชัด ดึงบริษัทลูกกฟผ.-กฟภ.ร่วมพัฒนา พร้อมวางเป้าทบทวนโซลาร์ภาคประชาชนจูงใจติดตั้งมากขึ้น

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า กพช.ได้เห็นชอบแนว ทางการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนที่เน้นใช้วัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงการผลิตโดยมอบให้คณะกรรมการบริหารนโยบาย(กบง.) พิจารณารายละเอียดในการส่งเสริม อาทิ ราคาซื้อไฟส่วนเกิน พื้นที่และขนาดโรงไฟฟ้า ระบบส่งที่พร้อมรับ คาดว่าจะสรุปรายละเอียดใน 1-2 เดือน มีเป้าหมายเปิดรับข้อเสนอโรงไฟฟ้าชุมชนกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไม่เกินปี 2565 รูปแบบการลงทุนกำลังพิจารณา ดึงชุมชนให้มีส่วนร่วม มีภาคเอกชน รวมถึงให้บริษัทลูกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เข้ามาร่วมดำเนินการเพื่อให้โรงไฟฟ้าอยู่ได้ในระยะยาว เพราะลำพังชุมชนคงไม่สามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าได้เอง ขณะเดียวกันจะดึงกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าสนับสนุนด้วย

“นี่เป็นโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่ต้องการให้ชุมชนมีรายได้ด้วยการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า และลดภาระรายจ่าย สร้างอาชีพให้ชุมชนในการใช้วัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง โดยหลักการจะเน้นผลิตเพื่อใช้เองโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไฟฟ้าไม่มีเสถียรภาพ อาทิ บนเกาะ ภูเขา เพื่อลดการลงทุนสายส่ง ส่วนเชื้อเพลิงอาจจะเป็นรูปแบบผสมผสานหรือไฮบริด ต้องรอรายละเอียดอีกครั้ง”รมว.พลังงานกล่าว

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กระทรวงพลังงานยังได้รายงานกพช.ถึงเป้าหมายต่อไป คือ นโยบายพลังงานเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในระดับครัวเรือนจากโรงไฟฟ้าชุมชน ด้วยการทบทวนหลักเกณฑ์โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัยภาคประชาชน(โซลาร์ภาคประชาชน)ให้จูงใจมากขึ้น เนื่องจากโครงการดังกล่าวนำร่องรับซื้อไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้ปี 2562 จำนวน 100 เมกะวัตต์ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ถึงเป้าหมาย เพราะขาดแรงจูงใจให้ประชาชนติดตั้ง ถูกมองว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นต้องดู 2 เรื่องคือ 1.ความคุ้มทุน 2.ติดตั้งแล้วจะเก็บและขายได้อย่างไร ต้องพิจารณาเรื่องของระบบกักเก็บพลังงาน(อีเอสเอส) การซื้อขายกันเองผ่านบล็อคเชน อย่างไรก็ตามราคารับซื้อโซลาร์ภาคประชาชนที่ไม่เกิน 1.68 บาทต่อหน่วยระยะ 10 ปีนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะต้องมาทบทวนเช่นกัน โดยจะดำเนินให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้

Advertisement

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กพช.ครั้งนี้ไม่ได้นำเรื่องการยกเลิกการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) 1.5 ล้านตันของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เข้าสู่การพิจารณา เนื่องจากกระทรวงฯอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างการนำเข้าแอลเอ็นจีใหม่ ให้สอดรับกับความต้องการที่จะต้องเกิดประโยชน์ 2 มิติ ได้แก่ ให้ไทยเป็นศูนย์กลางแอลเอ็นจีภูมิภาค และต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่จะส่งผ่านไปยังค่าไฟไม่ให้ได้รับผลกระทบที่สูงขึ้น โดยจะเร่งให้เร็วที่สุดเพื่อเสนอกบง.ก่อนที่จะเสนอกพช.ต่อไป จะเกิดเป็นรูปธรรมไม่เกินสิ้นปีนี้

“การนำเข้าแอลเอ็นจีกฟผ.1.5 ล้านตัน คงต้องยกเลิกการประมูลตามมติกบง.เดิม เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการลงนามในสัญญาใดๆกับผู้ชนะ แต่จะต้องมาดูโครงสร้างต่างๆให้เสร็จก่อนจึงจะเสนอกพช.อีกครั้ง ยืนยันว่านโยบายการเสรีก๊าซฯเปิดให้มีการนำเข้าแอลเอ็นจีมากขึ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”นายสนธิรัตน์กล่าว

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า นอกจากนี้กพช.ยังเห็นชอบตามมติกบง.ในการยกระดับราคาน้ำมันปาล์มดิบ(ซีพีโอ) ของประเทศ โดยขยายส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี10 ให้ต่ำกว่าบี7 อัตรา 2 บาทต่อลิตร และลดส่วนต่างราคาขายปลีกน้ำมันบี20 ให้ต่ำกว่าน้ำมันบี7 อัตรา 3 บาทต่อลิตร เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป พร้อมเห็นชอบการบังคับใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 โดยให้น้ำมันบี7 และบี20 เป็นทางเลือก

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image