พณ.เล็งเสนอกนศ.เปิดถกซีพีทีพีพี-เอฟทีเอไทย-อียู พร้อมชงตั้งกองทุนเยียวยา เหมือนกองทุนช่วยเหลือภาคส่งออก  

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าจากกรณีคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ เร่งดำเนินการเจรจาการค้าเพื่อใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน ในการกระตุ้นการส่งออกและการขยายตัวเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(ซีพีทีพีพี) และการเปิดเสรีการค้าไทย-สหภาพโรป(เอฟทีเอไทย-อียู) ว่า เบื้องต้นกรมได้ทำการศึกษาผลดีผลเสียและผลกระทบที่เกิดจากการเข้าร่วมซีพีทีพีพีและเอฟทีเอไทย-อียู แต่จะมีการศึกษาเพิ่มเติมและเปิดรับฟังจากทุกภาคส่วนอีกครั้งในหลายประเด็น โดยเฉพาะการเสนอให้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือและเยียวยาผลกระทบจากการเปิดเอฟทีเอหรือซีพีทีพีพี เหมือนการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนต่อเนื่องในการบริหารจัดการได้ต่อเนื่อง รวมถึงทบทวนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.)ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในเดือนพฤศจิกายนนี้

นางอรมน กล่าวว่า หลังจากรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน(เออีเอ็ม)ครั้งที่ 51 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพประชุมเมื่อวันที่ 5-10 กันยายนที่ผ่านมา เห็นชอบร่วมกันว่าการเจรจากลุ่มความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)มีความสำคัญและทุกประเทศพร้อมสนับสนุนการเจรจาในทุกด้านเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ระดับผู้นำ 16 ประเทศ(อาเซียน 10 ประเทศ บวก 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ) ประกาศสรุปการเจรจาได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้เกิดการลงนามในปี2563 ดังนั้นในวันที่ 19-27 กันยายนจะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ที่เมืองดานัง เวียดนาม ซึ่งมีเป้าหมายเจรจาหาข้อสรุปเรื่องการเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุน 13 ประเด็น และมีความคืบหน้าแล้ว 7 ประเด็น ส่วนประเด็นที่เหลือก็มีความคืบหน้าแล้ว 80% หากได้ข้อสรุปจะช่วยกระตุ้นการค้าและการลงทุนในภูมิภาค รองรับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ส่งผลไปทั่วโลก

“ ส่วนใหญ่จะเป็นหารือให้ได้ข้อสรุปในเรื่องการเปิดเสรีสินค้าที่แต่ละประเทศก็ยังมีสินค้าอ่อนไหวไม่พร้อมเปิดเสรี บางประเทศเสนอเปิดภาคบริการ เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นเข้าลงทุน ที่บางประเทศต้องการเกิน 80-90% ดังนั้นในฐานะไทยเป็นประธานอาเซียน ก็จะมีบทบาทให้อาร์เซ็ปบรรลุเป้าหมายสรุปการเจรจาที่ยืดเยื้อมานาน 7 ปี “ นางอรมน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image