นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ททท.ได้การผลักดันตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา พร้อมทั้งตั้งเป้าที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาให้เติบโตไปทั่วโลก โดยอาศัยเอกลักษณ์สำคัญของประเทศไทยอย่าง”มวยไทย” ที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ในการนำมาสร้างจุดแข็งและเสริมจุดขายสำคัญ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ชื่นชอบกีฬาและศิลปะป้องกันตัวของไทย ให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัสประสบการณ์ถึงถิ่นกำเนิดของมวยไทย ด้วยการจัดทำหนังสือคู่มือท่องเที่ยว “AWESOME MAUY THAI” ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมสินค้าท่องเที่ยวศักยภาพ มวยไทย”
“ในปี 2561 การท่องเที่ยวเชิงกีฬามีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นเฉพาะตลาดมวยไทย มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท เติบโต 5% ซึ่งในปี 2562 คาดว่าตลาดมวยไทยจะเติบโตได้ที่ 10% มูลค่ารวมเพิ่มขึ้นกว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือเทียบเท่ากับมูลค่ารวมของตลาดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยในการผลักดัน ให้รายได้รวมของภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กว่า 3.38 ล้านล้านบาทได้ ซึ่งในขณะนี้มีค่ายมวยและยิมมวยไทยกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด เพราะททท.ได้กำหนดให้ทุกแห่งต้องสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ มีความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งถือเป็นพื้นฐานเบื้องต้นที่ต้องมี”นางสาวฐาปนีย์กล่าว
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า สำหรับการเข้าพักและซ้อมในค่ายมวย เฉลี่ยแล้วต่างชาติจะใช้จ่ายประมาณ 1,500 บาทต่อวันต่อคน พักน้อยสุด 3 วัน มากสุด 2 เดือน รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับมวยไทยยังเป็นสินค้าขายดีเกือบทุกรายการ อาทิ กางเกงมวย น้ำมันมวย จึงเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยให้สร้างรายได้เข้าประเทศไทยได้มากขึ้น โดยจะมีการร่วมมือกับผู้ประกอบการด้านมวยไทย เพื่อดคงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาซ้อมมวยไทยและเที่ยวพักผ่อนไปในตัว เพราะกลุ่มนี้จะมีการใช้จ่ายที่สูงและกระจายการใช้จ่ายออกไปหลายๆ พื้นที่
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
