เชื่อมั่นอุตฯส.ค.ต่ำสุดรอบ 10 เดือน ห่วงบาทแข็ง-เทรดวอร์-น้ำมันโลก (ชมคลิป)

เชื่อมั่นอุตฯ ส.ค.ปรับลดต่ำสุดรอบ 10 เดือน กังวลบาทแข็ง-สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และราคาน้ำมันในตลาดโลก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนสิงหาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือนกรกฎาคม และต่ำสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในองค์ประกอบยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ โดยพบว่ามีสาเหตุมาจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อกำลังซื้อภายในประเทศที่ชะลอตัวลงเกือบทุกภูมิภาค เนื่องจากผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่าย ผู้ประกอบการมีภาวะการแข่งขันสูง ขณะที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคการส่งออก ประกอบกับปลายเดือนสิงหาคมเกิดสถานการณ์พายุฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งโดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ และมีการเปิดสงครามการค้ารอบใหม่ แม้จีนจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐไปแล้ว 16 รายการ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนได้

สำหรับดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 102.9 โดยเพิ่มขึ้นจาก 102.3 ในเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 จะมีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ของผู้ประกอบการมากขึ้น รวมทั้งผลจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศของภาครัฐ คาดว่าจะส่งผลดีต่อยอดขายและยอดคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการ

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2562 จากการสำรวจ พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลกสูงที่สุดถึงร้อยละ 71.6 รองลงมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยน (ในมุมมองผู้ส่งออก) ร้อยละ 56.7 โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เฉลี่ยเดือนสิงหาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 30.94 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากค่าเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม ที่ 30.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 48.5, 44.5 และ 30.1 ตามลำดับ สำหรับด้านปัจจัยราคาน้ำมันภายหลังจากเกิด “เหตุโจมตีแหล่งน้ำมัน 2 แห่งในประเทศซาอุดีอาระเบีย” เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันดิบหายไป 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่า 50% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของซาอุ และคิดเป็นกำลังการผลิตในสัดส่วน 5% ของโลก (ปัจจุบันซาอุมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดอยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
สำหรับประเทศไทยเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากไทยมีการนำเข้าน้ำมันดิบจากหลายประเทศในตะวันออกกลางไม่ได้นำเข้าผูกขาดเฉพาะซาอุดีอาระเบียประเทศเดียว อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

Advertisement

สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ 1.เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง 1-2 ปี และมาตรการระยะยาว เช่น การลงทุนระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อเกษตรกร การจัดโซนนิ่งพืชผลการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้ภาคเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว 2.สนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์ใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมกีฬาและสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริมสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ

Advertisement

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.กล่าวว่า ยอดผลิตจำนวนรถยนต์เดือนสิงหาคม 2562 มีทั้งสิ้น 166,361 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2561 ร้อยละ 8.21 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,403,153 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 ร้อยละ 1.25

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 80,838 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 6.9 ยอดขายภายในประเทศลดลง จากการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 รถยนต์มียอดขาย 685,652 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 4.2 ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนสิงหาคม 2562 ส่งออกได้ 81,549 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2561 ร้อยละ 20.45 โดยส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าลดลงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเพราะสงครามการค้า มีมูลค่าการส่งออก 45,694.98 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2561 ร้อยละ 18 และเดือนมกราคม-สิงหาคม 2562 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 723,561 คัน ลดลงจากปี 2561 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 4.12 มีมูลค่าการส่งออก 371,229.70 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม-สิงหาคม 2561 ร้อยละ 6.37

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image